เสียงเพรียกของทะเล

การที่นาฬิกาของนักดำน้ำจะยังคงกันน้ำได้ในความลึกจริง นาฬิกาจะต้องทนต่อแรงดันที่รุนแรงได้ ที่ OMEGA เราทดสอบนาฬิกาของนักดำน้ำในน้ำที่ความลึกขั้นต่ำ 30 บาร์ (300 ม./1000 ฟุต) ขึ้นอยู่กับรุ่น และเพื่อความปลอดภัยที่มากเป็นพิเศษ เราจึงได้เพิ่มแรงดันเข้าไปอีก 25% จากที่มาตรฐานสากลกำหนดไว้

เมื่อทำงานที่ระดับความลึกมาก เหล่านักดำน้ำมืออาชีพจะต้องอยู่ในระฆังดำน้ำ และหายใจเอาอากาศที่มีส่วนผสมของก๊าซซึ่งมีสัดส่วนของฮีเลียม (He) สูงเข้าไป วาล์วจะช่วยระบายเพื่อป้องกันไม่ให้โมเลกุลของฮีเลียมดันกระจกหน้าปัดและบนฝาหลังจนหลุดออก เนื่องจากการขยายตัวในระหว่างการปรับความดัน

ขอบตัวเรือนสเกล 60 นาทีแบบหมุนได้ทิศทางเดียว ช่วยให้นักดำน้ำสามารถบอกเวลาที่ผ่านไปได้ง่าย และยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการหมุนขอบตัวเรือนโดยอุบัติเหตุและทำให้คำนวณเวลาดำน้ำผิดไปได้ ข้อยกเว้นที่กลายเป็นข้อเด่นคือ Ploprof นั้นมีขอบตัวเรือนแบบหมุนได้สองทิศทาง ทว่ามีปุ่มกดเพื่อเพื่อล็อกขอบตัวเรือนเสริมความปลอดภัย

เมื่ออยู่ใต้น้ำ กลางวันสามารถเปลี่ยนเป็นกลางคืนได้ในทันที ดังนั้น เราจึงต้องสามารถอ่านเข็มนาฬิกาต่างๆ ได้อย่างชัดเจน และหน้าปัดควรอ่านง่าย ไม่ซับซ้อน นาฬิกาของนักดำน้ำจาก OMEGA ทุกเรือนจะมีจุดเรืองแสงบนขอบตัวเรือน เพื่อบอกเวลาเริ่มต้นของการดำน้ำ

นาฬิกาของนักดำน้ำจะต้องมีขนาดพอดีกับข้อมือ ดังนั้น สิ่งสำคัญคือสายนาฬิกาจะต้องสามารถปรับขยายออกได้ เพื่อให้มีที่ว่างเผื่อสำหรับความหนาของชุดดำน้ำ

ปุ่มกดต้องทำงานได้อย่างสมบูรณ์เมื่อทำการดำน้ำ โดยไม่ปล่อยให้น้ำเข้าไปในนาฬิกา ซึ่ง OMEGA สามารถตอบสนองความท้าทายทางเทคโนโลยีนี้ได้
ปุ่มกดบนโครโนกราฟของนักดำน้ำทุกปุ่มสามารถใช้งานใต้น้ำได้อย่างสมบูรณ์

แรงแม่เหล็กในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้บนบก บนลำเรือ และแม้กระทั่งใต้ทะเล อาจทำให้นาฬิกาของนักดำน้ำเดินผิดปกติ ยิ่งไปกว่านั้น อุปกรณ์ดำน้ำเองก็มักจะมีอุปกรณ์แม่เหล็กอยู่ด้วย ดังนั้น เราจึงต้องป้องกันแรงแม่เหล็กนี้ให้ดี

การดำน้ำเต็มไปด้วยอันตรายที่คาดไม่ถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสำรวจถ้ำ ซากเรืออับปาง และแนวปะการัง ระบบ 'NIVACHOC' ของ OMEGA ช่วยปกป้องชิ้นส่วนควบคุมของนาฬิกา เพื่อให้ยังคงทำงานได้แม้ว่าจะกระแทกกับของแข็งก็ตาม สิ่งที่ช่วยปกป้องหน้าปัดคือกระจกแซฟไฟร์ที่ทนทานต่อการขีดข่วน