Main menu
MyOmega menu
เครื่องมือเปรียบเทียบนาฬิกา ()
คุณไม่มีนาฬิกาที่จะเปรียบเทียบ
หากต้องการเริ่มเปรียบเทียบ ให้เรียกดูคอลเลคชั่นของนาฬิกา OMEGA
เลือกนาฬิกาตั้งแต่ 2 ถึง 4 เรือนเพื่อเปรียบเทียบ
My Omega
ฉันมีบัญชี
ฉันไม่มีบัญชี
สร้างบัญชี My OMEGA เพื่อรับประโยชน์จากบริการพิเศษของเราและติดตามข่าวสารล่าสุดของเรา
Collections menu
Breadcrumb
Planet Omega
ในการพัฒนาการผลิตเรือนเวลาให้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง OMEGA จึงมุ่งมั่นที่จะใช้และพัฒนาความเชี่ยวชาญในวัสดุที่สำคัญที่สุดของอุตสาหกรรม ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงามให้กับนาฬิกาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการทำงานและอายุการใช้งานที่ยาวนาน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบแต่ละแบบ
มั่นใจได้ว่าชิ้นงานของ OMEGA ทั้งหมดมาจากแหล่งที่มาและถูกผลิตขึ้นอย่างมีจริยธรรม ในฐานะสมาชิกที่ผ่านการรับรองของ Responsible Jewellery Council (RJC) โดยไม่แสวงหาผลกำไร เรามุ่งมั่นที่จะผลิตอย่างมีจริยธรรมและความโปร่งใส
1 / 8
ทองคำบริสุทธิ์ (24K) นั้นจะมีสีเหลืองอมแดงเล็กน้อยและอ่อนนุ่มอย่างยิ่ง ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องทำให้อยู่ในรูปอัลลอยด์ด้วยการเจือโลหะชนิดอื่น เพื่อให้สามารถใช้งานได้หลากหลาย ทอง 18K (สัดส่วนทองบริสุทธิ์อย่างน้อย 75%) นั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นมาตรฐานชั้นเลิศสำหรับการผลิตนาฬิกาและเครื่องประดับ เพราะให้ความสมดุลระหว่างความบริสุทธิ์และการนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง เรดโกลด์ 18K แบบดั้งเดิมจะถูกทำให้อยู่ในรูปอัลลอยด์ด้วยการผสมพัลลาเดียม-ทองแดง ซึ่งจะทำให้มีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนดีเยี่ยม ในขณะที่ไม่ทำปฏิกิริยาทางชีวเคมีใดๆ มอบเฉดสีที่งดงามเข้ากับผู้สวมใส่ได้ดี แม้กระทั่งกับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
2 / 8
ทองคำบริสุทธิ์ (24K) นั้นจะมีสีเหลืองอมแดงเล็กน้อยและอ่อนนุ่มมาก ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องทำให้อยู่ในรูปอัลลอยด์ด้วยการเจือโลหะชนิดอื่น เพื่อให้สามารถใช้งานได้หลากหลาย ทอง 18K (สัดส่วนทองบริสุทธิ์อย่างน้อย 75%) นั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นมาตรฐานชั้นเลิศสำหรับการผลิตนาฬิกาและเครื่องประดับ เพราะให้ความสมดุลระหว่างความบริสุทธิ์และการนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง เยลโลว์โกลด์ 18K แบบดั้งเดิมจะถูกทำให้อยู่ในรูปอัลลอยด์ด้วยการเจือทองแดง-เงิน ซึ่งจะทำให้มีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนดีเยี่ยม ในขณะที่ไม่ทำปฏิกิริยาทางชีวเคมีใดๆ มอบเฉดสีที่งดงามเข้ากับผู้สวมใส่ได้ดี แม้กระทั่งกับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
3 / 8
ทองคำบริสุทธิ์ (24K) นั้นจะมีสีเหลืองอมแดงเล็กน้อยและอ่อนนุ่มอย่างยิ่ง ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องทำให้อยู่ในรูปอัลลอยด์ด้วยการเจือโลหะชนิดอื่น เพื่อให้สามารถใช้งานได้หลากหลาย ทอง 18K (สัดส่วนทองบริสุทธิ์อย่างน้อย 75%) นั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นมาตรฐานชั้นเลิศสำหรับการผลิตนาฬิกาและเครื่องประดับ เพราะให้ความสมดุลระหว่างความบริสุทธิ์และการนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง ไวท์โกลด์ 18K แบบดั้งเดิมจะถูกทำให้อยู่ในรูปอัลลอยด์ด้วยการผสมพัลลาเดียม-ทองแดง ซึ่งจะทำให้มีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนดีเยี่ยม ในขณะที่ไม่ทำปฏิกิริยาทางชีวเคมีใดๆ มอบเฉดสีอ่อนสวยงามเข้ากับผู้สวมใส่ได้ดี แม้กระทั่งกับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
4 / 8
สแตนเลสเป็นวัสดุที่พบได้บ่อยที่สุดสำหรับการผลิตเครื่องบอกเวลาสำหรับงานรูปลักษณ์ภายนอก และให้ความสวยงาม ความแข็งแรง รวมถึงราคาที่จับต้องได้ แบรนด์ OMEGA เลือกใช้สแตนเลสสตีลเกรด 316L ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนและให้ความสุกสกาวหลังได้รับการขัดแต่ง วัสดุชนิดนี้เป็นตัวเลือกในอุดมคติสำหรับนาฬิกาที่ใช้งานในชีวิตประจำวันและในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายอย่างการดำน้ำและการผจญภัย
5 / 8
นับตั้งแต่ปี 2010 แบรนด์ OMEGA ได้จับคู่เซรามิกเข้ากับอัลลอยด์ที่มีชื่อว่า LiquidmetalTM มอบความเป็นไปได้ใหม่ในการตกแต่งเรือนเวลาด้วยโลหะสีเทาซึ่งมีคุณสมบัติต้านทานรอยขีดข่วนได้ดีกว่าเดิมและมีความเสถียรอย่างยิ่ง อัลลอยด์ชนิดนี้ได้จากการผสมไทเทเนียม เซอร์โคเนียม และทองแดง มันมีความแข็งมากกว่าสแตนเลสสตีลถึงสามเท่า เมื่อ LiquidmetalTM สร้างพันธะกับเซรามิกแล้วก็จะฉายแววโดดเด่น โดยอัลลอยด์สามารถถูกขัดแต่งจนตัดกันได้อย่างลงตัว (ขัดด้านหรือขัดเงา) เนื่องจากคุณสมบัติความแข็งที่แตกต่างกันระหว่างวัสดุสองชนิด
6 / 8
อะลูมิเนียมมีข้อได้เปรียบจากการเป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบาอย่างยิ่ง จึงถูกนำไปใช้ในการประดับตกแต่ง การชุบอโนไดซ์ทำให้ชิ้นส่วนนาฬิกามีสีสันหลากหลายสะดุดตา เช่น วงขอบตัวเรือน องค์ประกอบต่างๆ ที่ใช้บนหน้าปัด และเข็มนาฬิกา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระบวนการชุบอโนไดซ์แบบพิเศษของ OMEGA ทำให้ได้วงขอบตัวเรือนอะลูมิเนียมที่มีความแข็งเกือบสองเท่าของรุ่นปกติ จึงทนทานต่อความเสียหายจากภายนอกได้มากขึ้น
7 / 8
ไทเทเนียมอัลลอยด์มีน้ำหนักเบา ทนทานต่อการสึกกร่อน ไม่ทำปฏิกิริยาทางชีวเคมี และสามารถทนทานต่ออุณหภูมิสุดขั้ว คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้มันเหมาะกับการผลิตในอุตสาหกรรมอากาศยาน ยานอวกาศ และการแพทย์ มันคือส่วนผสมอย่างลงตัวระหว่างความแข็งแรง ความทนต่อการสึกกร่อนและการใช้งานได้จริง ไทเทเนียมเกรด 2 ให้สีเทาทึบเหมาะกับการขัดแต่งแบบ “ขัดด้าน” มันมักถูกนำมาใช้กับนาฬิกาของ OMEGA หลายรุ่นทั้งแบบที่ใช้ในโลกแห่งกีฬาและสำรวจอวกาศซึ่งไม่ประสงค์แสงสะท้อน
8 / 8
ไทเทเนียมอัลลอยด์มีน้ำหนักเบา ทนทานต่อการสึกกร่อน ไม่ทำปฏิกิริยาทางชีวเคมี และสามารถทนทานต่ออุณหภูมิสุดขั้ว คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้มันเหมาะกับการผลิตในอุตสาหกรรมอากาศยาน ยานอวกาศ และการแพทย์ มันคือส่วนผสมอย่างลงตัวระหว่างความแข็งแรง ความทนต่อการสึกกร่อนและการใช้งานได้จริง ไทเทเนียมเกรด 5 ให้สีเทาสว่างคล้ายกับสแตนเลสสตีล เหมาะกับการขัดแต่งทั้งแบบ “ขัดด้าน” และ “ขัดเงา”
ทองคำบริสุทธิ์ (24K) นั้นจะมีสีเหลืองอมแดงเล็กน้อยและอ่อนนุ่มอย่างยิ่ง ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องทำให้อยู่ในรูปอัลลอยด์ด้วยการเจือโลหะชนิดอื่น เพื่อให้สามารถใช้งานได้หลากหลาย ทอง 18K (สัดส่วนทองบริสุทธิ์อย่างน้อย 75%) นั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นมาตรฐานชั้นเลิศสำหรับการผลิตนาฬิกาและเครื่องประดับ เพราะให้ความสมดุลระหว่างความบริสุทธิ์และการนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง เรดโกลด์ 18K แบบดั้งเดิมจะถูกทำให้อยู่ในรูปอัลลอยด์ด้วยการผสมพัลลาเดียม-ทองแดง ซึ่งจะทำให้มีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนดีเยี่ยม ในขณะที่ไม่ทำปฏิกิริยาทางชีวเคมีใดๆ มอบเฉดสีที่งดงามเข้ากับผู้สวมใส่ได้ดี แม้กระทั่งกับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
ทองคำบริสุทธิ์ (24K) นั้นจะมีสีเหลืองอมแดงเล็กน้อยและอ่อนนุ่มมาก ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องทำให้อยู่ในรูปอัลลอยด์ด้วยการเจือโลหะชนิดอื่น เพื่อให้สามารถใช้งานได้หลากหลาย ทอง 18K (สัดส่วนทองบริสุทธิ์อย่างน้อย 75%) นั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นมาตรฐานชั้นเลิศสำหรับการผลิตนาฬิกาและเครื่องประดับ เพราะให้ความสมดุลระหว่างความบริสุทธิ์และการนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง เยลโลว์โกลด์ 18K แบบดั้งเดิมจะถูกทำให้อยู่ในรูปอัลลอยด์ด้วยการเจือทองแดง-เงิน ซึ่งจะทำให้มีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนดีเยี่ยม ในขณะที่ไม่ทำปฏิกิริยาทางชีวเคมีใดๆ มอบเฉดสีที่งดงามเข้ากับผู้สวมใส่ได้ดี แม้กระทั่งกับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
ทองคำบริสุทธิ์ (24K) นั้นจะมีสีเหลืองอมแดงเล็กน้อยและอ่อนนุ่มอย่างยิ่ง ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องทำให้อยู่ในรูปอัลลอยด์ด้วยการเจือโลหะชนิดอื่น เพื่อให้สามารถใช้งานได้หลากหลาย ทอง 18K (สัดส่วนทองบริสุทธิ์อย่างน้อย 75%) นั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นมาตรฐานชั้นเลิศสำหรับการผลิตนาฬิกาและเครื่องประดับ เพราะให้ความสมดุลระหว่างความบริสุทธิ์และการนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง ไวท์โกลด์ 18K แบบดั้งเดิมจะถูกทำให้อยู่ในรูปอัลลอยด์ด้วยการผสมพัลลาเดียม-ทองแดง ซึ่งจะทำให้มีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนดีเยี่ยม ในขณะที่ไม่ทำปฏิกิริยาทางชีวเคมีใดๆ มอบเฉดสีอ่อนสวยงามเข้ากับผู้สวมใส่ได้ดี แม้กระทั่งกับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
สแตนเลสเป็นวัสดุที่พบได้บ่อยที่สุดสำหรับการผลิตเครื่องบอกเวลาสำหรับงานรูปลักษณ์ภายนอก และให้ความสวยงาม ความแข็งแรง รวมถึงราคาที่จับต้องได้ แบรนด์ OMEGA เลือกใช้สแตนเลสสตีลเกรด 316L ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนและให้ความสุกสกาวหลังได้รับการขัดแต่ง วัสดุชนิดนี้เป็นตัวเลือกในอุดมคติสำหรับนาฬิกาที่ใช้งานในชีวิตประจำวันและในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายอย่างการดำน้ำและการผจญภัย
นับตั้งแต่ปี 2010 แบรนด์ OMEGA ได้จับคู่เซรามิกเข้ากับอัลลอยด์ที่มีชื่อว่า LiquidmetalTM มอบความเป็นไปได้ใหม่ในการตกแต่งเรือนเวลาด้วยโลหะสีเทาซึ่งมีคุณสมบัติต้านทานรอยขีดข่วนได้ดีกว่าเดิมและมีความเสถียรอย่างยิ่ง อัลลอยด์ชนิดนี้ได้จากการผสมไทเทเนียม เซอร์โคเนียม และทองแดง มันมีความแข็งมากกว่าสแตนเลสสตีลถึงสามเท่า เมื่อ LiquidmetalTM สร้างพันธะกับเซรามิกแล้วก็จะฉายแววโดดเด่น โดยอัลลอยด์สามารถถูกขัดแต่งจนตัดกันได้อย่างลงตัว (ขัดด้านหรือขัดเงา) เนื่องจากคุณสมบัติความแข็งที่แตกต่างกันระหว่างวัสดุสองชนิด
อะลูมิเนียมมีข้อได้เปรียบจากการเป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบาอย่างยิ่ง จึงถูกนำไปใช้ในการประดับตกแต่ง การชุบอโนไดซ์ทำให้ชิ้นส่วนนาฬิกามีสีสันหลากหลายสะดุดตา เช่น วงขอบตัวเรือน องค์ประกอบต่างๆ ที่ใช้บนหน้าปัด และเข็มนาฬิกา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระบวนการชุบอโนไดซ์แบบพิเศษของ OMEGA ทำให้ได้วงขอบตัวเรือนอะลูมิเนียมที่มีความแข็งเกือบสองเท่าของรุ่นปกติ จึงทนทานต่อความเสียหายจากภายนอกได้มากขึ้น
ไทเทเนียมอัลลอยด์มีน้ำหนักเบา ทนทานต่อการสึกกร่อน ไม่ทำปฏิกิริยาทางชีวเคมี และสามารถทนทานต่ออุณหภูมิสุดขั้ว คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้มันเหมาะกับการผลิตในอุตสาหกรรมอากาศยาน ยานอวกาศ และการแพทย์ มันคือส่วนผสมอย่างลงตัวระหว่างความแข็งแรง ความทนต่อการสึกกร่อนและการใช้งานได้จริง ไทเทเนียมเกรด 2 ให้สีเทาทึบเหมาะกับการขัดแต่งแบบ “ขัดด้าน” มันมักถูกนำมาใช้กับนาฬิกาของ OMEGA หลายรุ่นทั้งแบบที่ใช้ในโลกแห่งกีฬาและสำรวจอวกาศซึ่งไม่ประสงค์แสงสะท้อน
ไทเทเนียมอัลลอยด์มีน้ำหนักเบา ทนทานต่อการสึกกร่อน ไม่ทำปฏิกิริยาทางชีวเคมี และสามารถทนทานต่ออุณหภูมิสุดขั้ว คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้มันเหมาะกับการผลิตในอุตสาหกรรมอากาศยาน ยานอวกาศ และการแพทย์ มันคือส่วนผสมอย่างลงตัวระหว่างความแข็งแรง ความทนต่อการสึกกร่อนและการใช้งานได้จริง ไทเทเนียมเกรด 5 ให้สีเทาสว่างคล้ายกับสแตนเลสสตีล เหมาะกับการขัดแต่งทั้งแบบ “ขัดด้าน” และ “ขัดเงา”
1 / 2 สไลด์
Seamaster ผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการของมหกรรมกีฬาโอลิมปิก
39.5 มม., ทอง Canopus™ บน สายหนัง
1 / 4
ทองบรอนซ์ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อมอบเฉดสีอ่อนและสะกดสายตา อีกทั้งยังเป็นบรอนซ์อัลลอยด์ที่สามารถสัมผัสกับร่างกายได้โดยตรงจากส่วนประกอบที่ไม่เหมือนใคร อัลลอยด์ชนิดนี้ประกอบด้วยโลหะมีค่าอย่างทอง 37.5% หรือทอง 9K เช่นเดียวกับพัลลาเดียมและเงินเพื่อสร้างสีที่อยู่ตรงกลางระหว่างทอง 18K MoonshineTM gold และทอง SednaTM 18K นอกจากจะมอบเฉดสีชมพูอ่อน ทองบรอนซ์ยังสามารถต้านทานการสึกกร่อนโดยไม่เกิดออกซิเดชันเป็นคราบสีเขียวน้ำเงิน และจะค่อยๆ แสดงร่องรอยจากกาลเวลาอย่างช้าๆ และรักษาพาทิน่าธรรมชาติอันงดงามได้ยาวนาน สำหรับผู้ที่หลงใหลในนาฬิกาบรอนซ์และวัสดุนำสมัย นี่คือตัวเลือกที่คุณไม่ควรพลาด!
2 / 4
OMEGA นำทอง SednaTM 18K หรือโรสโกลด์อัลลอยด์ของตนมาใช้งานตั้งแต่ปี 2012 โดยชื่อ Sedna ได้มาจากดาวเคราะห์น้อย Sedna เทหวัตถุที่ได้รับการระบุว่าเป็นหนึ่งในวัตถุที่มีสีแดงที่สุดในระบบสุริยะ ทอง SednaTM ไม่เพียงแต่มีคุณสมบัติดังเช่นทอง 18K ทุกประการเท่านั้น แต่ยังทนทานไม่ซีดจางตามกาลเวลาโดยง่าย มันมีส่วนประกอบที่โดดเด่นของทองแดงและพัลลาเดียมที่ทำให้เกิดสีสันและความเสถียร
3 / 4
OMEGA ได้รังสรรค์ทอง MoonshineTM เยลโลว์โกลด์อัลลอยด์ 18K ขึ้นในปี 2019 โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากแสงจันทร์ที่เฉิดฉายท่ามกลางท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม ทอง 18K MoonshineTM ของ OMEGA นั้นมีสีที่อ่อนกว่าเยลโลว์โกลด์ 18K ทั่วไปและทนทานต่อการซีดจางมากกว่า มันมีส่วนประกอบที่โดดเด่นของเงิน ทองแดง และพัลลาเดียมที่ทำให้เกิดสีสันและความเสถียร
4 / 4
OMEGA ได้ใช้ Canopus GoldTM ซึ่งเป็นไวท์โกลด์อัลลอยด์ 18K ตั้งแต่ปี 2015 นอกจากจะให้ความหรูหราในทุกอณู ทองชนิดนี้ยังถูกจัดไว้ในกลุ่มทอง 18K แบบเดียวกับทองชนิดอื่นๆ Canopus Gold™ โดดเด่นด้วยคุณสมบัติความแวววาวสูง ความขาว และทนทานไม่ซีดจาง มันจึงเป็นวัสดุในอุดมคติของเรือนเวลาชั้นสูงหรือนาฬิกาประดับเพชร
อัลลอยด์ชนิดนี้ได้รับการตั้งชื่อตามดาว Canopus อันสุกสกาวซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ 71 เท่าและสว่างกว่าดวงอาทิตย์ 10,000 เท่า เนื่องจากความสว่างและตำแหน่ง ทำให้ Canopus กลายเป็นดาวที่องค์กรอวกาศหลายแห่งใช้อ้างอิงเสมอ
โดยมีส่วนประกอบที่ไม่เหมือนใครด้วยแพลตินัม โรเดียม และพัลลาเดียม ที่ทำให้เกิดสีสันและความเสถียร
ทองบรอนซ์ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อมอบเฉดสีอ่อนและสะกดสายตา อีกทั้งยังเป็นบรอนซ์อัลลอยด์ที่สามารถสัมผัสกับร่างกายได้โดยตรงจากส่วนประกอบที่ไม่เหมือนใคร อัลลอยด์ชนิดนี้ประกอบด้วยโลหะมีค่าอย่างทอง 37.5% หรือทอง 9K เช่นเดียวกับพัลลาเดียมและเงินเพื่อสร้างสีที่อยู่ตรงกลางระหว่างทอง 18K MoonshineTM gold และทอง SednaTM 18K นอกจากจะมอบเฉดสีชมพูอ่อน ทองบรอนซ์ยังสามารถต้านทานการสึกกร่อนโดยไม่เกิดออกซิเดชันเป็นคราบสีเขียวน้ำเงิน และจะค่อยๆ แสดงร่องรอยจากกาลเวลาอย่างช้าๆ และรักษาพาทิน่าธรรมชาติอันงดงามได้ยาวนาน สำหรับผู้ที่หลงใหลในนาฬิกาบรอนซ์และวัสดุนำสมัย นี่คือตัวเลือกที่คุณไม่ควรพลาด!
OMEGA นำทอง SednaTM 18K หรือโรสโกลด์อัลลอยด์ของตนมาใช้งานตั้งแต่ปี 2012 โดยชื่อ Sedna ได้มาจากดาวเคราะห์น้อย Sedna เทหวัตถุที่ได้รับการระบุว่าเป็นหนึ่งในวัตถุที่มีสีแดงที่สุดในระบบสุริยะ ทอง SednaTM ไม่เพียงแต่มีคุณสมบัติดังเช่นทอง 18K ทุกประการเท่านั้น แต่ยังทนทานไม่ซีดจางตามกาลเวลาโดยง่าย มันมีส่วนประกอบที่โดดเด่นของทองแดงและพัลลาเดียมที่ทำให้เกิดสีสันและความเสถียร
OMEGA ได้รังสรรค์ทอง MoonshineTM เยลโลว์โกลด์อัลลอยด์ 18K ขึ้นในปี 2019 โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากแสงจันทร์ที่เฉิดฉายท่ามกลางท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม ทอง 18K MoonshineTM ของ OMEGA นั้นมีสีที่อ่อนกว่าเยลโลว์โกลด์ 18K ทั่วไปและทนทานต่อการซีดจางมากกว่า มันมีส่วนประกอบที่โดดเด่นของเงิน ทองแดง และพัลลาเดียมที่ทำให้เกิดสีสันและความเสถียร
OMEGA ได้ใช้ Canopus GoldTM ซึ่งเป็นไวท์โกลด์อัลลอยด์ 18K ตั้งแต่ปี 2015 นอกจากจะให้ความหรูหราในทุกอณู ทองชนิดนี้ยังถูกจัดไว้ในกลุ่มทอง 18K แบบเดียวกับทองชนิดอื่นๆ Canopus Gold™ โดดเด่นด้วยคุณสมบัติความแวววาวสูง ความขาว และทนทานไม่ซีดจาง มันจึงเป็นวัสดุในอุดมคติของเรือนเวลาชั้นสูงหรือนาฬิกาประดับเพชร
อัลลอยด์ชนิดนี้ได้รับการตั้งชื่อตามดาว Canopus อันสุกสกาวซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ 71 เท่าและสว่างกว่าดวงอาทิตย์ 10,000 เท่า เนื่องจากความสว่างและตำแหน่ง ทำให้ Canopus กลายเป็นดาวที่องค์กรอวกาศหลายแห่งใช้อ้างอิงเสมอ
โดยมีส่วนประกอบที่ไม่เหมือนใครด้วยแพลตินัม โรเดียม และพัลลาเดียม ที่ทำให้เกิดสีสันและความเสถียร
Speedmaster ซีรีส์การฉลองครบรอบ
42 มม., ทอง Moonshine™ บน ทอง Moonshine™
“วัสดุต่างๆ ของ OMEGA มีคุณสมบัติเฉพาะของตน ตั้งแต่สีและความมันวาว ไปจนถึงความแข็งแรง หรือแม้กระทั่งคุณสมบัติการต้านทานต่อแม่เหล็ก”
“มีเพียงแบรนด์ที่มีจิตวิญญาณแห่งการบุกเบิกของ OMEGA เท่านั้น ที่จะสามารถบรรลุถึงความหลากหลายและความเป็นเลิศด้านวัสดุที่ยากจะหาผู้ใดเปรียบได้”
ภาพระยะใกล้
5 ขั้นตอนสำคัญในการผลิตเซรามิกสีเทาของเรา
สีเทาที่แวววาวเป็นผลลัพธ์มาจากนวัตกรรมทางวิศวกรรมและการออกแบบที่เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ
ผงเซรามิก
1. SPEEDMASTER เรือนนี้เริ่มต้นจากผงเซรามิกสีขาว
ผงเซรามิกที่มีเซอร์โคเนียมเป็นส่วนประกอบหลักถูกกดอัดให้เป็นรูปทรงของตัวเรือน
การเผาซินเตอร์
2. การเผาซินเตอร์ทำให้ตัวเรือนหดตัวลงจนได้ขนาด
การเผาซินเตอร์เป็นกระบวนการให้ความร้อนที่มีอุณหภูมิสูงถึง 1400° C
เครื่องมือผลิตจากเพชร
3. จากนั้นนำตัวเรือนเข้าเครื่องจักรที่ใช้เพชรเป็นส่วนประกอบ
เครื่องจักรที่ใช้เพชรเป็นส่วนประกอบจะมีความแข็งซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการเจียรขอบและเซาะร่อง
การให้ความร้อนพลาสมา
4. ตัวเรือนจะเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเทาที่อุณหภูมิ 20,000° C
การเปลี่ยนแปลงของสีจะเกิดขึ้นที่ระดับโมเลกุลในเตาเผาพลาสมา
การแกะสลักด้วยเลเซอร์
5. รายละเอียดบนขอบหน้าปัดและตัวเรือนที่สลักด้วยเลเซอร์
เมื่อมีสเกลทาคีมิเตอร์อันโดดเด่นและชื่อนาฬิกาแล้ว เอกลักษณ์แห่งนาฬิกาก็เป็นอันสมบูรณ์