Breadcrumb
นำมาจาก OMEGA Lifetime - The Pioneer Edition
ทอง SEDNA™ 18K
สูตรมาตรฐาน (5N) สำหรับเรดโกลด์ 18K คืออัลลอยด์ที่ประกอบด้วยทอง ทองแดง และเงิน แต่เมื่อ Omega ประสบความสำเร็จในการพัฒนาทอง Sedna™ 18K โดยการใช้โลหะแพลเลเดียมที่หายากและล้ำค่ากว่าเงิน ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่ใช่แค่สีโรสโกลด์อันโดดเด่นและน่าทึ่งเท่านั้น แต่อัลลอยด์ยังมีความทนทานที่ต่อการเปลี่ยนสีที่เหนือกว่ามาตรฐานของเรดโกลด์ 18K ซึ่งมีแนวโน้มที่จะสูญเสียความมันวาวของสีแดงเมื่อเวลาผ่านไป เนื่องจากอะตอมสีแดงจากทองแดงถูกปลดปล่อยออกจากอัลลอยด์
ยาง
หนึ่งในกระแสที่ร้อนแรงที่สุดของทศวรรษ 1980 คือการสวมนาฬิกาดำน้ำทรงหนาบนสายนาฬิกายางขนาดใหญ่ ในเวลานี้สายนาฬิกายางได้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง แต่คราวนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสายรุ่นแรกที่แสนดูดีจากยุค 60 เช่น สาย Tropic ลายตะกร้าสานหรือสาย Deep Black Planet Ocean ในภาพนี้ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสายไนลอน Perlon ลายเปียถัก องค์ประกอบและสีของยางใหม่ เช่น การเคลือบสารป้องกันแบคทีเรียที่รวมเข้ากับสูตรยางที่แสดงไว้ในที่นี้ ซึ่งช่วยให้สามารถรังสรรค์สายที่ทั้งแข็งแรง ยืดหยุ่น น้ำหนักเบา มีเม็ดสีแน่นและมีรายละเอียดสูง เหมสะสำหรับทั้งการดำน้ำ และสวมใส่ในโอกาสทางการได้
เซรามิก
หนึ่งในนวัตกรรมการออกแบบที่สะกดสายตาที่สุดในคอลเลคชั่นนาฬิกาของ OMEGA เมื่อไม่นานมานี้คือนาฬิกาเซรามิกที่เพิ่มเข้ามาหลากหลายรุ่น ผงเซอร์โคเนียมออกไซด์ต้องถูกนำไปให้ความร้อน และแรงดันที่มหากศาลเพื่อสร้างตัวเรือนที่ทนทานต่อการขีดข่วนและยืดหยุ่นเป็นพิเศษ ซึ่งต่อมาจะถูกขัดเงา และปัดแบบซาตินโดยใช้สายขัดเพชร การแกะสลักบนขอบหน้าปัดของ Speedmaster Moonwatch Dark Side of the Moon ถูกดำเนินการโดยใช้เลเซอร์ที่มีพลังงานสูง นอกจากจะได้ผลลัพธ์ออกมาอย่างสวยงามชวนทึ่งแล้ว ตัวเรือนนาฬิกายังมีความแข็งแรงกว่าสตีลถึง 6 เท่า ซึ่งจะไม่ซีดจางหรือเกิดปฏิกิริยาออกซิไดส์ อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานอีกด้วย
SUPER-LUMINOVA
Omega เป็นหนึ่งในเหล่าผู้ผลิตนาฬิการายแรกๆ ที่เริ่มนำสารเรืองแสง Super-LumiNova มาใช้บนเข็มบอกเวลา เข็มแสดงชั่วโมง และขอบหน้าปัดนาฬิกาของพวกเขาในช่วงปลายทศวรรษ 90 อนุภาคของสารเรืองแสงในเม็ดสีขาวจะได้รับพลังงานเมื่อสัมผัสกับแสง UV ไม่ว่าจะเป็นแสงจากดวงอาทิตย์หรือแสงประดิษฐ์ ซึ่งทำให้เม็ดสีเรืองแสงออกมา และช่วยให้มองเห็นส่วนที่ถูกเคลือบสารไว้ได้ภายใต้สภาวะไร้แสง Super-LumiNova ที่บรรจุอยู่ในเข็มทรงลูกศรชุบโรเดียมบน Seamaster Planet Ocean จะปล่อยแสงระเรื่อสีน้ำเงินในความมืด
ทอง MOONSHINE™ 18K
สำหรับโอกาสครบรอบ 50 ปีของ Apollo 11 OMEGA ได้พัฒนาอัลลอยด์ทอง 18K โฉมใหม่ทั้งหมดขึ้นในบริษัท โดย OMEGA ได้นำเหล่านักโลหะวิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิต และนักวิทยาศาสตร์จากบริษัทต่างๆ ภายใน Swatch Group มาร่วมมือกันเพื่อรังสรรค์เฉดสีทองที่ละมุนราวกับแสงจันทร์โดยการผสมทอง ทองแดง เงิน และแพลเลเดียมให้เข้ากันอย่างลงตัว และไม่เพียงแต่ให้เฉดสีทองอันสวยงามเท่านั้น การเล่นแร่แปรธาตุสมัยใหม่นี้ยังส่งผลให้อัลลอยด์มีสีที่ทนทานมากกว่าอัลลอยด์ทอง 18K ทั่วไปเสียอีก
ซิลิคอน Si14
ในปี 2008 Omega เปิดตัวกลไก Co-Axial พร้อมบาลานซ์สปริงรุ่นแรก (ชิ้นส่วนในนาฬิกาข้อมือขนาดเล็กที่ทำหน้าที่เหมือนลูกตุ้มของนาฬิกา) ที่ผลิตจากซิลิกอน Si14 ในขณะที่สปริงที่ผลิตจากสตีลจะต้องเผชิญกับปัจจัยหลายอย่างในระหว่างการผลิต และมีอายุการใช้งานที่จำกัด การรังสรรค์ชิ้นส่วนที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้จากซิลิคอน Si14 ช่วยให้มั่นใจได้ว่าการผลิตรูปทรงนั้นจะเหมือนเดิมทุกครั้งและเป็นไปตามข้อกำหนดจำเพาะ วัสดุยุคอวกาศนี้ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการผลิตเพื่อขึ้นรูปสปริงที่สมบูรณ์แบบโดยตรงจากแผ่นซิลิคอนในขั้นตอนเดียว ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือชิ้นส่วนที่มีความละเอียดกว่าเส้นผมมนุษย์ถึงสามเท่า ซึ่งทนทานต่อแรงกระแทกที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และไม่ได้รับผลกระทบจากสนามแม่เหล็กโดยสิ้นเชิง
อัลลอยด์ NIP และ NIVAGAUSS™
ชิ้นส่วนสำคัญอีกชิ้นของระบบปล่อยจักร Co-Axial คือเฟืองแรงดลใหญ่ขนาด 3.9 มม. ซึ่งผลิตจากวัสดุที่ไม่ได้รับผลกระทบจากแรงแม่เหล็ก และเคลือบด้วย NiP (นิกเกิล ฟอสฟอรัส) จากนั้นจึงนำไปชุบทองเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถต้านแม่เหล็กได้ เฟืองปีกนกแรงดลขนาดเล็กและบาลานซ์วีลสีดำผลิตขึ้นด้วย Nivagauss™ ซึ่งเป็นอัลลอยด์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเองภายในบริษัทจากโลหะอสัณฐาน