ติดต่อบูติก
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าชิ้นนี้
Main menu
MyOmega menu
เครื่องมือเปรียบเทียบนาฬิกา ()
คุณไม่มีนาฬิกาที่จะเปรียบเทียบ
หากต้องการเริ่มเปรียบเทียบ ให้เรียกดูคอลเลคชั่นของนาฬิกา OMEGA
เลือกนาฬิกาตั้งแต่ 2 ถึง 4 เรือนเพื่อเปรียบเทียบ
My Omega
ฉันมีบัญชี
ฉันไม่มีบัญชี
สร้างบัญชี My OMEGA เพื่อรับประโยชน์จากบริการพิเศษของเราและติดตามข่าวสารล่าสุดของเรา
Collections menu
Breadcrumb
ขออภัย นาฬิกาเรือนนี้ไม่มีจำหน่ายแล้ว
ค้นหานาฬิกาเรือนอื่นOMEGA Ladymatic เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างการออกแบบที่เหนือระดับและนวัตกรรมการรังสรรค์นาฬิกาสุดล้ำ ซึ่งผลิตขึ้นอย่างพิถีพิถันสำหรับสุภาพสตรีที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีเทียบเท่ากับรูปลักษณ์ของนาฬิกาที่ตนเลือกสวมใส่
OMEGA Ladymatic รุ่นนี้โดดเด่นด้วยหน้าปัดที่ผ่านการแบบอย่างสร้างสรรค์จากเยลโลว์โกลด์ 18K ประดับด้วยเปลือกหอยมุกและเพชรที่เรียงจนเป็นตราของแบรนด์ 5 ชิ้นจนเป็นดอกไม้อย่างงดงาม สามารถรับชมความวิจิตรของหน้าปัดอันวิจิตรสามารถมองเห็นได้ผ่านคริสตัล กระจกแซฟไฟร์ที่ทนทานต่อรอยขีดข่วน ขอบตัวเรือนประดับเพชรที่เจียระไนทรงฟูลคัต 184 เม็ดถูกติดตั้งบนตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ 18K ขนาด 34 มม.
นาฬิกาเรือนนี้นำเสนอพร้อมสายหนังปัดเงาแบบซาตินสีขาว และตัวเชื่อมสายเยลโลว์โกลด์ 18K ประดับเพชรในแบบสโนว์เซ็ต ฝาหลังที่ติดตั้งกระจกแซฟไฟร์ช่วยให้สามารถชมการทำงานของกลไก OMEGA Co-Axial calibre 8521 ที่อยู่ภายในได้
ฝาหลังตัวเรือนแบบเปลือยมักจะผลิตขึ้นจากกระจกแซฟไฟร์ ซึ่งทำให้สามารถชมกลไกภายในนาฬิกาได้
อัญมณีล้ำค่าที่เปล่งประกายและมีความแข็งมากที่สุด โดยการคำนวณมูลค่าตามเกณฑ์ 4C: การเจียระไน - กะรัต - ความสะอาด - สี
เม็ดมะยมแบบล็อคในตัวที่ขันเกลียวเข้า ยึดกับก้านของตัวเรือน ถูกติดตั้งให้กับนาฬิกานักดำน้ำที่มี ความสามารถในการกันน้ำสูง
เครื่องหมายที่มอบให้กับนาฬิกาที่ผ่านการทดสอบความเที่ยงตรง และได้รับใบรับรองจากหน่วยงานอย่างเป็นทางการ (COSC)
นี่คือการวัดขนาดสำหรับการติดตั้งสายนาฬิกา
นี่คือความยาวทั้งหมดของตัวเรือน จากขานาฬิกาด้านบนไปจนถึงขาด้านล่าง
นี่คือความกว้างของตัวเรือนทั้งหมด ไม่รวมเม็ดมะยมและปุ่มกด
เมื่อมองจากด้านข้าง ค่านี้จะวัดจากฐานของนาฬิกาไปจนถึงพื้นผิวกระจก
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าชิ้นนี้
ส่งคำขอของคุณเรียบร้อยแล้ว
พนักงานของบูติก OMEGA จะติดต่อคุณโดยเร็วที่สุด
1 / 4
ทองคำบริสุทธิ์ (24K) นั้นจะมีสีเหลืองอมแดงเล็กน้อยและอ่อนนุ่มมาก ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องทำให้อยู่ในรูปอัลลอยด์ด้วยการเจือโลหะชนิดอื่น เพื่อให้สามารถใช้งานได้หลากหลาย ทอง 18K (สัดส่วนทองบริสุทธิ์อย่างน้อย 75%) นั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นมาตรฐานชั้นเลิศสำหรับการผลิตนาฬิกาและเครื่องประดับ เพราะให้ความสมดุลระหว่างความบริสุทธิ์และการนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง เยลโลว์โกลด์ 18K แบบดั้งเดิมจะถูกทำให้อยู่ในรูปอัลลอยด์ด้วยการเจือทองแดง-เงิน ซึ่งจะทำให้มีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนดีเยี่ยม ในขณะที่ไม่ทำปฏิกิริยาทางชีวเคมีใดๆ มอบเฉดสีที่งดงามเข้ากับผู้สวมใส่ได้ดี แม้กระทั่งกับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
2 / 4
เพชรเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นวัสดุที่มีความแข็งสูงสุดในโลก โดยได้คะแนนมาตราความแข็งแร่ของโมลส์ที่ระดับสิบ และเป็นอัญมณีชนิดเดียวที่มีคาร์บอนเป็นส่วนประกอบทั้งหมด เพชรสามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิและได้รับแรงบีบอัดสูง ซึ่งจะเกิดขึ้นที่ระดับความลึกเฉพาะ (ลึกราว 100 ไมล์) ใต้ผิวโลก OMEGA เลือกใช้เพชร “Top Wesselton” ในการนำมาประดับนาฬิกาและเครื่องประดับของแบรนด์ ซึ่งต้องเป็นเพชรสีขาวที่มีความสะอาดตั้งแต่บริสุทธิ์ไปจนถึง VVS (Very Very Small inclusions) นอกจากจะคัดสรรกะรัตตามความเหมาะสมแล้ว วิธีการเจียระไนก็ถูกเลือกอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ได้เพชรที่มีประกายและแวววาวมากที่สุด อีกทั้ง OMEGA ยังเป็นสมาชิกขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Responsible Jewellery Council (RJC) ซึ่งช่วยให้ผู้ซื้อมั่นใจได้ว่า กระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน วัตถุดิบ และสิ่งแวดล้อมทั้งหมดนั้นดำเนินไปตามหลักจริยธรรมและมีความเป็นธรรม
3 / 4
เปลือกหอยมุกหรือเป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า “nacre” คือวัตถุดิบผสมระหว่างอินทรีย์-อนินทรีย์ซึ่งเกิดภายในเปลือกชั้นในของสัตว์จำพวกหอยเช่นเดียวกับมุก มันแข็งแกร่ง ยืดหยุ่น สามารถมอบแสงสะท้อนได้ราวกับสายรุ้ง สีที่มองเห็นจะแตกต่างกันออกไปตามความยาวคลื่นแสงจากมุมที่กระทบสายตา คอลเลคชั่นเรือนเวลาสำหรับสตรีของ OMEGA ที่รังสรรค์มาอย่างประณีตพิถีพิถัน ช่วยขับเน้นให้หน้าปัดเปลือกหอยมุกมีความงดงามเป็นเอกลักษณ์อย่างที่สุด
4 / 4
แบรนด์ OMEGA ใช้คริสตัลแซฟไฟร์สังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติทนทานต่อรอยขีดข่วนสูง และเคลือบสารกันสะท้อน เพื่อให้สามารถรับชมความงามในทุกอณูของนาฬิกาได้อย่างเต็มอรรถรส ก่อนที่จะเข้ากระบวนการตัดแต่งให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการ คริสตัลแซฟไฟร์จะต้องถูกผลิตภายใต้กระบวนการ Verneuil หรือกระบวนการหลอมเหลวโดยเปลวไฟ ซึ่งต้องใช้ไฟออกซีไฮโดรเจนหลอมเหลววัตถุดิบและต้องรอให้ตกผลึกทีละหยดจนเกิดเป็นกระบอกของแซฟไฟร์ โดยมีคะแนนสเกลความแข็งของโมส์ระดับ 9 (จากค่าความแข็ง 1-10) ทำให้กระจกแซฟไฟร์ที่ได้นั้นสามารถป้องกันรอยขีดข่วนและมีความแข็งแรงมาก มอบการมองเห็นได้อย่างชัดเจนตลอดเวลา
ทองคำบริสุทธิ์ (24K) นั้นจะมีสีเหลืองอมแดงเล็กน้อยและอ่อนนุ่มมาก ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องทำให้อยู่ในรูปอัลลอยด์ด้วยการเจือโลหะชนิดอื่น เพื่อให้สามารถใช้งานได้หลากหลาย ทอง 18K (สัดส่วนทองบริสุทธิ์อย่างน้อย 75%) นั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นมาตรฐานชั้นเลิศสำหรับการผลิตนาฬิกาและเครื่องประดับ เพราะให้ความสมดุลระหว่างความบริสุทธิ์และการนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง เยลโลว์โกลด์ 18K แบบดั้งเดิมจะถูกทำให้อยู่ในรูปอัลลอยด์ด้วยการเจือทองแดง-เงิน ซึ่งจะทำให้มีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนดีเยี่ยม ในขณะที่ไม่ทำปฏิกิริยาทางชีวเคมีใดๆ มอบเฉดสีที่งดงามเข้ากับผู้สวมใส่ได้ดี แม้กระทั่งกับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
เพชรเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นวัสดุที่มีความแข็งสูงสุดในโลก โดยได้คะแนนมาตราความแข็งแร่ของโมลส์ที่ระดับสิบ และเป็นอัญมณีชนิดเดียวที่มีคาร์บอนเป็นส่วนประกอบทั้งหมด เพชรสามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิและได้รับแรงบีบอัดสูง ซึ่งจะเกิดขึ้นที่ระดับความลึกเฉพาะ (ลึกราว 100 ไมล์) ใต้ผิวโลก OMEGA เลือกใช้เพชร “Top Wesselton” ในการนำมาประดับนาฬิกาและเครื่องประดับของแบรนด์ ซึ่งต้องเป็นเพชรสีขาวที่มีความสะอาดตั้งแต่บริสุทธิ์ไปจนถึง VVS (Very Very Small inclusions) นอกจากจะคัดสรรกะรัตตามความเหมาะสมแล้ว วิธีการเจียระไนก็ถูกเลือกอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ได้เพชรที่มีประกายและแวววาวมากที่สุด อีกทั้ง OMEGA ยังเป็นสมาชิกขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Responsible Jewellery Council (RJC) ซึ่งช่วยให้ผู้ซื้อมั่นใจได้ว่า กระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน วัตถุดิบ และสิ่งแวดล้อมทั้งหมดนั้นดำเนินไปตามหลักจริยธรรมและมีความเป็นธรรม
เปลือกหอยมุกหรือเป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า “nacre” คือวัตถุดิบผสมระหว่างอินทรีย์-อนินทรีย์ซึ่งเกิดภายในเปลือกชั้นในของสัตว์จำพวกหอยเช่นเดียวกับมุก มันแข็งแกร่ง ยืดหยุ่น สามารถมอบแสงสะท้อนได้ราวกับสายรุ้ง สีที่มองเห็นจะแตกต่างกันออกไปตามความยาวคลื่นแสงจากมุมที่กระทบสายตา คอลเลคชั่นเรือนเวลาสำหรับสตรีของ OMEGA ที่รังสรรค์มาอย่างประณีตพิถีพิถัน ช่วยขับเน้นให้หน้าปัดเปลือกหอยมุกมีความงดงามเป็นเอกลักษณ์อย่างที่สุด
แบรนด์ OMEGA ใช้คริสตัลแซฟไฟร์สังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติทนทานต่อรอยขีดข่วนสูง และเคลือบสารกันสะท้อน เพื่อให้สามารถรับชมความงามในทุกอณูของนาฬิกาได้อย่างเต็มอรรถรส ก่อนที่จะเข้ากระบวนการตัดแต่งให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการ คริสตัลแซฟไฟร์จะต้องถูกผลิตภายใต้กระบวนการ Verneuil หรือกระบวนการหลอมเหลวโดยเปลวไฟ ซึ่งต้องใช้ไฟออกซีไฮโดรเจนหลอมเหลววัตถุดิบและต้องรอให้ตกผลึกทีละหยดจนเกิดเป็นกระบอกของแซฟไฟร์ โดยมีคะแนนสเกลความแข็งของโมส์ระดับ 9 (จากค่าความแข็ง 1-10) ทำให้กระจกแซฟไฟร์ที่ได้นั้นสามารถป้องกันรอยขีดข่วนและมีความแข็งแรงมาก มอบการมองเห็นได้อย่างชัดเจนตลอดเวลา
กลไกระบบขึ้นลานอัตโนมัติพร้อมระบบปล่อยจักร Co-Axial ระบบสปริงบาลานซ์แบบอิสระพร้อมบาลานซ์สปริงซิลิคอน สามารถขึ้นลานอัตโนมัติทั้งสองทิศทาง โรเตอร์และบาลานซ์บริดจ์ที่ทำจากเรดโกลด์ 18 กะรัต การตกแต่งที่หรูหราด้วยลายคลื่น Geneva แบบอาหรับสุดพิเศษ