Skip to content
OMEGA constellation deville seamaster speedmaster specialities

วัสดุหลัก

  • วัสดุ - แพลตินัม

    แพลตินัม

  • วัสดุ - เพชร

    เพชร

  • วัสดุ - คริสตัลแซฟไฟร์

    คริสตัลแซฟไฟร์

แพลตินัม

แพลตินัมเป็นวัสดุชั้นสูงที่หายากซึ่งโดดเด่นด้วยสีขาวเหลือบเงิน ความทนทานและความวาวเจิดจรัส อีกทั้งยังเป็นโลหะที่แทบไม่ทำปฏิกิริยาและมีคุณสมบัติทนทานต่อการสึกกร่อนสูง ความหายากของวัสดุชนิดนี้เป็นตัวแทนถึงความพิเศษและความหรูหรา OMEGA จึงเลือกแพลตินัม 950 มารังสรรค์เรือนเวลาระดับสูง นาฬิกาเหล่านี้มอบโฉมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และมาพร้อมผิวสัมผัสพิเศษกว่าวัสดุอื่นใดให้กับผู้สวมใส่

เพชร

เพชรเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นวัสดุที่มีความแข็งสูงสุดในโลก โดยได้คะแนนมาตราความแข็งแร่ของโมลส์ที่ระดับสิบ และเป็นอัญมณีชนิดเดียวที่มีคาร์บอนเป็นส่วนประกอบทั้งหมด เพชรสามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิและได้รับแรงบีบอัดสูง ซึ่งจะเกิดขึ้นที่ระดับความลึกเฉพาะ (ลึกราว 100 ไมล์) ใต้ผิวโลก OMEGA เลือกใช้เพชร “Top Wesselton” ในการนำมาประดับนาฬิกาและเครื่องประดับของแบรนด์ ซึ่งต้องเป็นเพชรสีขาวที่มีความสะอาดตั้งแต่บริสุทธิ์ไปจนถึง VVS (Very Very Small inclusions) นอกจากจะคัดสรรกะรัตตามความเหมาะสมแล้ว วิธีการเจียระไนก็ถูกเลือกอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ได้เพชรที่มีประกายและแวววาวมากที่สุด อีกทั้ง OMEGA ยังเป็นสมาชิกขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Responsible Jewellery Council (RJC) ซึ่งช่วยให้ผู้ซื้อมั่นใจได้ว่า กระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน วัตถุดิบ และสิ่งแวดล้อมทั้งหมดนั้นดำเนินไปตามหลักจริยธรรมและมีความเป็นธรรม

คริสตัลแซฟไฟร์

แบรนด์ OMEGA ใช้คริสตัลแซฟไฟร์สังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติทนทานต่อรอยขีดข่วนสูง และเคลือบสารกันสะท้อน เพื่อให้สามารถรับชมความงามในทุกอณูของนาฬิกาได้อย่างเต็มอรรถรส ก่อนที่จะเข้ากระบวนการตัดแต่งให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการ คริสตัลแซฟไฟร์จะต้องถูกผลิตภายใต้กระบวนการ Verneuil หรือกระบวนการหลอมเหลวโดยเปลวไฟ ซึ่งต้องใช้ไฟออกซีไฮโดรเจนหลอมเหลววัตถุดิบและต้องรอให้ตกผลึกทีละหยดจนเกิดเป็นกระบอกของแซฟไฟร์ โดยมีคะแนนสเกลความแข็งของโมส์ระดับ 9 (จากค่าความแข็ง 1-10) ทำให้กระจกแซฟไฟร์ที่ได้นั้นสามารถป้องกันรอยขีดข่วนและมีความแข็งแรงมาก มอบการมองเห็นได้อย่างชัดเจนตลอดเวลา

ข้อดี
ของนาฬิกาเรือนนี้

และหัวใจสำคัญของนาฬิการุ่นนี้คือระบบปล่อยจักรแบบ Co-Axial ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติการผลิตนาฬิกาที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1999 ความเค้นบนชิ้นส่วนเคลื่อนไหวที่น้อยลงย่อมหมายถึงความต้องการในการหล่อลื่นที่น้อยลง ความแม่นยำที่ยาวนานขึ้น และอัตราการสำรองพลังงานที่เสถียรยิ่งขึ้น โดยสรุปคือ นาฬิการุ่นนี้ทำงานได้ดียิ่งขึ้นและยังใช้งานได้ยาวนานกว่า