ติดต่อบูติก
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าชิ้นนี้
Main menu
MyOmega menu
เครื่องมือเปรียบเทียบนาฬิกา ()
คุณไม่มีนาฬิกาที่จะเปรียบเทียบ
หากต้องการเริ่มเปรียบเทียบ ให้เรียกดูคอลเลคชั่นของนาฬิกา OMEGA
เลือกนาฬิกาตั้งแต่ 2 ถึง 4 เรือนเพื่อเปรียบเทียบ
My Omega
ฉันมีบัญชี
ฉันไม่มีบัญชี
สร้างบัญชี My OMEGA เพื่อรับประโยชน์จากบริการพิเศษของเราและติดตามข่าวสารล่าสุดของเรา
Collections menu
Breadcrumb
ขออภัย นาฬิกาเรือนนี้ไม่มีจำหน่ายแล้ว
ค้นหานาฬิกาเรือนอื่นOMEGA เปิดตัวรุ่น Seamaster 300 เป็นครั้งแรกในปี 1957 ในฐานะเรือนเวลาที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับนักดำน้ำและผู้เชี่ยวชาญที่ต้องปฏิบัติงานใต้น้ำ หลังจากเวลาล่วงเลยไปครึ่งศตวรรษ เราได้นำเรือนเวลารุ่นนี้กลับมาปรับโฉมใหม่ทั้งหมดและเพิ่มประสิทธิภาพให้คอบรับกับนักผจญภัยรุ่นใหม่
Seamaster 300 รุ่นนี้มีหน้าปัดสีดำยิงทรายพร้อมเข็มเยลโลว์โกลด์ 18K เคลือบด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova แบบ "วินเทจ” ขอบตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ 18K ซึ่งส่วนของวงทำจากเซรามิกและติดตั้งด้วยสเกลดำน้ำ Ceragold™ ตัวเรือนสแตนเลสสตีลขนาด 41 มม. มาพร้อมสายสแตนเลสสตีลและเยลโลว์โกลด์ 18K
ฝาหลังที่ติดตั้งกระจกแซฟไฟร์ช่วยให้มองเห็นกลไก OMEGA Master Co-Axial calibre 8400 ที่สามารถต้านทานสนามแม่เหล็กได้
ขอบตัวเรือนที่ สามารถหมุนได้ในทิศทางเดียวเท่านั้น เป็นประโยชน์ อย่างยิ่งสำหรับนักดำน้ำ เพื่อ ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เผลอไปหมุนจนคำนวณเวลาดำน้ำผิดได้ ทั้งนี้ขอบตัวเรือนแบบหมุนได้จะช่วยให้สามารถคำนวณเวลาที่ใช้ไปได้อย่างง่ายดาย
ทั้งนี้กลไกจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากสนามแม่เหล็กที่เข้มข้น แม้กระทั่งสนามแม่เหล็กที่มีค่าสูงกว่า 1.5 เทสลา (15,000 เกาส์) ก็ตาม
ฝาหลังตัวเรือนแบบเปลือยมักจะผลิตขึ้นจากกระจกแซฟไฟร์ ซึ่งทำให้สามารถชมกลไกภายในนาฬิกาได้
ช่วยให้ปรับเข็มชั่วโมงเป็นโซนเวลาต่างๆ ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องหยุดนาฬิกา
เม็ดมะยมแบบล็อคในตัวที่ขันเกลียวเข้า ยึดกับก้านของตัวเรือน ถูกติดตั้งให้กับนาฬิกานักดำน้ำที่มี ความสามารถในการกันน้ำสูง
เครื่องหมายที่มอบให้กับนาฬิกาที่ผ่านการทดสอบความเที่ยงตรง และได้รับใบรับรองจากหน่วยงานอย่างเป็นทางการ (COSC)
นี่คือการวัดขนาดสำหรับการติดตั้งสายนาฬิกา
นี่คือความยาวทั้งหมดของตัวเรือน จากขานาฬิกาด้านบนไปจนถึงขาด้านล่าง
นี่คือความกว้างของตัวเรือนทั้งหมด ไม่รวมเม็ดมะยมและปุ่มกด
เมื่อมองจากด้านข้าง ค่านี้จะวัดจากฐานของนาฬิกาไปจนถึงพื้นผิวกระจก
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าชิ้นนี้
ส่งคำขอของคุณเรียบร้อยแล้ว
พนักงานของบูติก OMEGA จะติดต่อคุณโดยเร็วที่สุด
1 / 4
ทองคำบริสุทธิ์ (24K) นั้นจะมีสีเหลืองอมแดงเล็กน้อยและอ่อนนุ่มมาก ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องทำให้อยู่ในรูปอัลลอยด์ด้วยการเจือโลหะชนิดอื่น เพื่อให้สามารถใช้งานได้หลากหลาย ทอง 18K (สัดส่วนทองบริสุทธิ์อย่างน้อย 75%) นั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นมาตรฐานชั้นเลิศสำหรับการผลิตนาฬิกาและเครื่องประดับ เพราะให้ความสมดุลระหว่างความบริสุทธิ์และการนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง เยลโลว์โกลด์ 18K แบบดั้งเดิมจะถูกทำให้อยู่ในรูปอัลลอยด์ด้วยการเจือทองแดง-เงิน ซึ่งจะทำให้มีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนดีเยี่ยม ในขณะที่ไม่ทำปฏิกิริยาทางชีวเคมีใดๆ มอบเฉดสีที่งดงามเข้ากับผู้สวมใส่ได้ดี แม้กระทั่งกับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
2 / 4
สแตนเลสเป็นวัสดุที่พบได้บ่อยที่สุดสำหรับการผลิตเครื่องบอกเวลาสำหรับงานรูปลักษณ์ภายนอก และให้ความสวยงาม ความแข็งแรง รวมถึงราคาที่จับต้องได้ แบรนด์ OMEGA เลือกใช้สแตนเลสสตีลเกรด 316L ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนและให้ความสุกสกาวหลังได้รับการขัดแต่ง วัสดุชนิดนี้เป็นตัวเลือกในอุดมคติสำหรับนาฬิกาที่ใช้งานในชีวิตประจำวันและในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายอย่างการดำน้ำและการผจญภัย
3 / 4
OMEGA มีความเชี่ยวชาญในการใช้เซรามิกแบบที่ยากจะหาผู้ใดเปรียบ ตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน เซรามิกมีต้นรากมาจากคำในภาษากรีก "เครามอส" สารอนินทรีย์อโลหะที่ได้จากการเผาด้วยอุณหภูมิสูง ซึ่งช่วยให้สามารถผลิตชิ้นส่วนนาฬิกาที่มีความหนาแน่นโดยแท้จริงพร้อมทั้งมีคุณสมบัติทางกลที่ยอดเยี่ยม เซรามิกเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมสำหรับลูกค้าเมื่อเลือกนาฬิกา เนื่องจากมีหลายโทนสีที่น่าหลงไหลและยังมีคุณสมบัติเฉพาะ เช่น น้ำหนักที่เบากว่าสแตนเลสสตีลถึง 2 เท่า ทนทานต่อการใช้งาน ทนต่อการขีดข่วนได้สูง มีความเฉื่อยทางเคมี ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ อีกทั้งยังไม่ถูกเหนี่ยวนำโดยสนามแม่เหล็ก
4 / 4
แบรนด์ OMEGA ใช้คริสตัลแซฟไฟร์สังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติทนทานต่อรอยขีดข่วนสูง และเคลือบสารกันสะท้อน เพื่อให้สามารถรับชมความงามในทุกอณูของนาฬิกาได้อย่างเต็มอรรถรส ก่อนที่จะเข้ากระบวนการตัดแต่งให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการ คริสตัลแซฟไฟร์จะต้องถูกผลิตภายใต้กระบวนการ Verneuil หรือกระบวนการหลอมเหลวโดยเปลวไฟ ซึ่งต้องใช้ไฟออกซีไฮโดรเจนหลอมเหลววัตถุดิบและต้องรอให้ตกผลึกทีละหยดจนเกิดเป็นกระบอกของแซฟไฟร์ โดยมีคะแนนสเกลความแข็งของโมส์ระดับ 9 (จากค่าความแข็ง 1-10) ทำให้กระจกแซฟไฟร์ที่ได้นั้นสามารถป้องกันรอยขีดข่วนและมีความแข็งแรงมาก มอบการมองเห็นได้อย่างชัดเจนตลอดเวลา
ทองคำบริสุทธิ์ (24K) นั้นจะมีสีเหลืองอมแดงเล็กน้อยและอ่อนนุ่มมาก ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องทำให้อยู่ในรูปอัลลอยด์ด้วยการเจือโลหะชนิดอื่น เพื่อให้สามารถใช้งานได้หลากหลาย ทอง 18K (สัดส่วนทองบริสุทธิ์อย่างน้อย 75%) นั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นมาตรฐานชั้นเลิศสำหรับการผลิตนาฬิกาและเครื่องประดับ เพราะให้ความสมดุลระหว่างความบริสุทธิ์และการนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง เยลโลว์โกลด์ 18K แบบดั้งเดิมจะถูกทำให้อยู่ในรูปอัลลอยด์ด้วยการเจือทองแดง-เงิน ซึ่งจะทำให้มีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนดีเยี่ยม ในขณะที่ไม่ทำปฏิกิริยาทางชีวเคมีใดๆ มอบเฉดสีที่งดงามเข้ากับผู้สวมใส่ได้ดี แม้กระทั่งกับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
สแตนเลสเป็นวัสดุที่พบได้บ่อยที่สุดสำหรับการผลิตเครื่องบอกเวลาสำหรับงานรูปลักษณ์ภายนอก และให้ความสวยงาม ความแข็งแรง รวมถึงราคาที่จับต้องได้ แบรนด์ OMEGA เลือกใช้สแตนเลสสตีลเกรด 316L ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนและให้ความสุกสกาวหลังได้รับการขัดแต่ง วัสดุชนิดนี้เป็นตัวเลือกในอุดมคติสำหรับนาฬิกาที่ใช้งานในชีวิตประจำวันและในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายอย่างการดำน้ำและการผจญภัย
OMEGA มีความเชี่ยวชาญในการใช้เซรามิกแบบที่ยากจะหาผู้ใดเปรียบ ตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน เซรามิกมีต้นรากมาจากคำในภาษากรีก "เครามอส" สารอนินทรีย์อโลหะที่ได้จากการเผาด้วยอุณหภูมิสูง ซึ่งช่วยให้สามารถผลิตชิ้นส่วนนาฬิกาที่มีความหนาแน่นโดยแท้จริงพร้อมทั้งมีคุณสมบัติทางกลที่ยอดเยี่ยม เซรามิกเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมสำหรับลูกค้าเมื่อเลือกนาฬิกา เนื่องจากมีหลายโทนสีที่น่าหลงไหลและยังมีคุณสมบัติเฉพาะ เช่น น้ำหนักที่เบากว่าสแตนเลสสตีลถึง 2 เท่า ทนทานต่อการใช้งาน ทนต่อการขีดข่วนได้สูง มีความเฉื่อยทางเคมี ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ อีกทั้งยังไม่ถูกเหนี่ยวนำโดยสนามแม่เหล็ก
แบรนด์ OMEGA ใช้คริสตัลแซฟไฟร์สังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติทนทานต่อรอยขีดข่วนสูง และเคลือบสารกันสะท้อน เพื่อให้สามารถรับชมความงามในทุกอณูของนาฬิกาได้อย่างเต็มอรรถรส ก่อนที่จะเข้ากระบวนการตัดแต่งให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการ คริสตัลแซฟไฟร์จะต้องถูกผลิตภายใต้กระบวนการ Verneuil หรือกระบวนการหลอมเหลวโดยเปลวไฟ ซึ่งต้องใช้ไฟออกซีไฮโดรเจนหลอมเหลววัตถุดิบและต้องรอให้ตกผลึกทีละหยดจนเกิดเป็นกระบอกของแซฟไฟร์ โดยมีคะแนนสเกลความแข็งของโมส์ระดับ 9 (จากค่าความแข็ง 1-10) ทำให้กระจกแซฟไฟร์ที่ได้นั้นสามารถป้องกันรอยขีดข่วนและมีความแข็งแรงมาก มอบการมองเห็นได้อย่างชัดเจนตลอดเวลา
นาฬิกาและสายของคุณควรเข้ากันได้อย่างลงตัว แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่สามารถทดลองการจับคู่ในรูปแบบต่างๆ ได้ ลองนำมาจับคู่กันดูว่าเป็นอย่างไร? คุณอาจค้นพบโฉมใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสำหรับคุณก็ได้
ค้นหาสายนาฬิกาที่ใช่ของคุณ
กำหนดค่าสายนาฬิกาของคุณ
/
ส่วนประกอบสำคัญของนาฬิการุ่นนี้คือระบบปล่อยจักรแบบ Co-Axial ที่สามารถรักษาความเที่ยงตรงไว้ได้ยาวนาน ยิ่งไปกว่านั้น ชิ้นส่วนทุกชิ้นที่ส่งผลต่อความเที่ยงตรงจะผลิตด้วยวัสดุที่ไม่เป็นสารแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อให้มั่นใจได้ว่านาฬิกาจะได้รับการปกป้องจากสนามแม่เหล็กแรงสูงที่เกิดขึ้นจากอุปกรณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
กลไก Master Co-Axial Chronometer ของเราใช้ระบบปล่อยจักรแบบ Co-Axial ที่ให้ข้อดีในด้านความสามารถในการรักษาความเที่ยงตรงไว้ได้ยาวนาน ชิ้นส่วนทุกชิ้นที่ส่งผลต่อความเที่ยงตรงจะผลิตด้วยวัสดุที่ไม่เป็นสารแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสนามแม่เหล็ก (สูงสุด 15'000 เกาส์) จะไม่สามารถส่งผลใดๆ ต่อความแม่นยำได้ กลไกทุกชุดผ่านการรับรองความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์ตามมาตรฐานสากล ISO3159 ซึ่งต้องมีระดับความเที่ยงตรงที่ -4/+6 วินาทีต่อวัน ตามการทดสอบที่ Official Swiss Chronometer Control (COSC)
กรรมสิทธิ์เหนือวัสดุที่ทนต่อแม่เหล็ก
ของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น โทรศัพท์มือถือ หัวล็อกบนกระเป๋าถือ แล็ปท็อป การตรวจด้วยเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า เตาแม่เหล็กไฟฟ้า หรือประตูอัตโนมัติ อาจสร้างสนามแม่เหล็กจนส่งผลกระทบต่อนาฬิกาและสมรรถนะได้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการคลาดเคลื่อนถาวรที่อาจสูงถึงหลายนาทีต่อวัน เราจึงได้คิดค้นกลไกติดตั้งด้วยวัสดุที่ต้านทานแม่เหล็ก เช่น บาลานซ์สปริงซิลิกอน ซึ่งสามารถทนต่อสนามแม่เหล็กความเข้มสูงสุดได้
เพื่อให้มั่นใจว่านาฬิกาของเราจะยังไม่เสียหายแม้อยู่ในทะเลลึก นาฬิกาจะถูกทดสอบใต้น้ำด้วยแรงดันสูงที่ถึงเกณฑ์ที่เรารับประกันคุณสมบัติการกันน้ำ ซึ่งเป็นการทดสอบกับนาฬิกาทุกเรือนไม่ใช้แค่บางเรือนเท่านั้น และเช่นเคย ในการทดสอบคุณสมบัติการกันน้ำของนาฬิกาแต่ละเรือน เราได้เลือกที่จะดำเนินการทดสอบเกินกว่ามาตรฐานการทดสอบทั่วไป
ภารกิจของเราในการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมและผลักดันขอบเขตของคุณภาพให้ไปไกลยิ่งกว่า รวมไปถึงการรับประกันนาฬิกา OMEGA ทุกเรือนเป็นเวลา 5 ปีเต็ม คำมั่นสัญญาที่เรามีต่อลูกค้านี้ แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจที่เรามีต่อความเป็นเลิศในนาฬิกาของเรา รวมถึงมอบความไว้วางใจและความมั่นใจเป็นพิเศษเมื่อคุณเลือกนาฬิกาของคุณ
การเข้าศูนย์บริการที่น้อยลง ระบบปล่อยจักรแบบ Co-Axial ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดแรงเสียดทานภายในกลไก อันเป็นผลให้กลไกต้องการการหล่อลื่นน้อยลง จึงต้องการการบำรุงรักษาที่น้อยกว่า เมื่อเทียบกับนาฬิกาที่ไม่ได้ใช้กลไก Co-Axial ช่วงเวลาที่ต้องนำนาฬิกาเข้ารับบริการนั้นจะยาวนานกว่ามาก
นาฬิกา OMEGA สามารถผ่านการทดสอบไปจนถึงขีดจำกัดสูงสุดได้ในระหว่างกระบวนการรับรองมาตรฐานเฉพาะทาง ซึ่งการทดสอบในช่วงนี้รวมไปถึงการทดสอบการรับแรงกระแทก และเพื่อให้มั่นใจว่านาฬิกาจะยังคงความเที่ยงตรงอยู่แม้ผ่านการกระแทกอย่างรุนแรง นาฬิกา OMEGA ทุกเรือนได้รับการออกแบบให้ทนทานต่อแรงกระแทกจากการตกหล่นที่ระยะ 1 เมตรลงบนพื้นไม้เนื้อแข็ง สำหรับนาฬิกามาตรฐาน 150g แล้ว การเร่งความเร็วอย่างกะทันหันและรวดเร็วนี้เทียบเท่ากับแรงโน้มถ่วงที่กระทำลงบนตัวเรือนสูงถึง 5,000 g เลยทีเดียว
1 / 6
กลไก Master Co-Axial Chronometer ของเราใช้ระบบปล่อยจักรแบบ Co-Axial ที่ให้ข้อดีในด้านความสามารถในการรักษาความเที่ยงตรงไว้ได้ยาวนาน ชิ้นส่วนทุกชิ้นที่ส่งผลต่อความเที่ยงตรงจะผลิตด้วยวัสดุที่ไม่เป็นสารแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสนามแม่เหล็ก (สูงสุด 15'000 เกาส์) จะไม่สามารถส่งผลใดๆ ต่อความแม่นยำได้ กลไกทุกชุดผ่านการรับรองความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์ตามมาตรฐานสากล ISO3159 ซึ่งต้องมีระดับความเที่ยงตรงที่ -4/+6 วินาทีต่อวัน ตามการทดสอบที่ Official Swiss Chronometer Control (COSC)
2 / 6
กรรมสิทธิ์เหนือวัสดุที่ทนต่อแม่เหล็ก
ของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น โทรศัพท์มือถือ หัวล็อกบนกระเป๋าถือ แล็ปท็อป การตรวจด้วยเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า เตาแม่เหล็กไฟฟ้า หรือประตูอัตโนมัติ อาจสร้างสนามแม่เหล็กจนส่งผลกระทบต่อนาฬิกาและสมรรถนะได้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการคลาดเคลื่อนถาวรที่อาจสูงถึงหลายนาทีต่อวัน เราจึงได้คิดค้นกลไกติดตั้งด้วยวัสดุที่ต้านทานแม่เหล็ก เช่น บาลานซ์สปริงซิลิกอน ซึ่งสามารถทนต่อสนามแม่เหล็กความเข้มสูงสุดได้
3 / 6
เพื่อให้มั่นใจว่านาฬิกาของเราจะยังไม่เสียหายแม้อยู่ในทะเลลึก นาฬิกาจะถูกทดสอบใต้น้ำด้วยแรงดันสูงที่ถึงเกณฑ์ที่เรารับประกันคุณสมบัติการกันน้ำ ซึ่งเป็นการทดสอบกับนาฬิกาทุกเรือนไม่ใช้แค่บางเรือนเท่านั้น และเช่นเคย ในการทดสอบคุณสมบัติการกันน้ำของนาฬิกาแต่ละเรือน เราได้เลือกที่จะดำเนินการทดสอบเกินกว่ามาตรฐานการทดสอบทั่วไป
4 / 6
ภารกิจของเราในการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมและผลักดันขอบเขตของคุณภาพให้ไปไกลยิ่งกว่า รวมไปถึงการรับประกันนาฬิกา OMEGA ทุกเรือนเป็นเวลา 5 ปีเต็ม คำมั่นสัญญาที่เรามีต่อลูกค้านี้ แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจที่เรามีต่อความเป็นเลิศในนาฬิกาของเรา รวมถึงมอบความไว้วางใจและความมั่นใจเป็นพิเศษเมื่อคุณเลือกนาฬิกาของคุณ
5 / 6
การเข้าศูนย์บริการที่น้อยลง ระบบปล่อยจักรแบบ Co-Axial ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดแรงเสียดทานภายในกลไก อันเป็นผลให้กลไกต้องการการหล่อลื่นน้อยลง จึงต้องการการบำรุงรักษาที่น้อยกว่า เมื่อเทียบกับนาฬิกาที่ไม่ได้ใช้กลไก Co-Axial ช่วงเวลาที่ต้องนำนาฬิกาเข้ารับบริการนั้นจะยาวนานกว่ามาก
6 / 6
นาฬิกา OMEGA สามารถผ่านการทดสอบไปจนถึงขีดจำกัดสูงสุดได้ในระหว่างกระบวนการรับรองมาตรฐานเฉพาะทาง ซึ่งการทดสอบในช่วงนี้รวมไปถึงการทดสอบการรับแรงกระแทก และเพื่อให้มั่นใจว่านาฬิกาจะยังคงความเที่ยงตรงอยู่แม้ผ่านการกระแทกอย่างรุนแรง นาฬิกา OMEGA ทุกเรือนได้รับการออกแบบให้ทนทานต่อแรงกระแทกจากการตกหล่นที่ระยะ 1 เมตรลงบนพื้นไม้เนื้อแข็ง สำหรับนาฬิกามาตรฐาน 150g แล้ว การเร่งความเร็วอย่างกะทันหันและรวดเร็วนี้เทียบเท่ากับแรงโน้มถ่วงที่กระทำลงบนตัวเรือนสูงถึง 5,000 g เลยทีเดียว
ระบบขึ้นลานอัตโนมัติพร้อมระบบปล่อยจักร Co-Axial ต้านทานสนามแม่เหล็กได้มากกว่า 15,000 เกาส์ สปริงบาลานซ์แบบอิสระพร้อมบาลานซ์สปริงซิลิคอน สองบาร์เรลติดตั้งเรียงกัน พร้อมกลไกขึ้นลานอัตโนมัติทั้งสองทิศทาง บริดจ์และโรเตอร์ได้รับการตกแต่งด้วยลายคลื่น Geneva แบบอาหรับสุดพิเศษ