The store will not work correctly when cookies are disabled.
Breadcrumb
วัสดุหลัก
-
1 / 4
สแตนเลสสตีล
สแตนเลสเป็นวัสดุที่พบได้บ่อยที่สุดสำหรับการผลิตเครื่องบอกเวลาสำหรับงานรูปลักษณ์ภายนอก และให้ความสวยงาม ความแข็งแรง รวมถึงราคาที่จับต้องได้ แบรนด์ OMEGA เลือกใช้สแตนเลสสตีลเกรด 316L ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนและให้ความสุกสกาวหลังได้รับการขัดแต่ง วัสดุชนิดนี้เป็นตัวเลือกในอุดมคติสำหรับนาฬิกาที่ใช้งานในชีวิตประจำวันและในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายอย่างการดำน้ำและการผจญภัย
-
2 / 4
เซรามิก
OMEGA มีความเชี่ยวชาญในการใช้เซรามิกแบบที่ยากจะหาผู้ใดเปรียบ ตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน เซรามิกมีต้นรากมาจากคำในภาษากรีก "เครามอส" สารอนินทรีย์อโลหะที่ได้จากการเผาด้วยอุณหภูมิสูง ซึ่งช่วยให้สามารถผลิตชิ้นส่วนนาฬิกาที่มีความหนาแน่นโดยแท้จริงพร้อมทั้งมีคุณสมบัติทางกลที่ยอดเยี่ยม เซรามิกเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมสำหรับลูกค้าเมื่อเลือกนาฬิกา เนื่องจากมีหลายโทนสีที่น่าหลงไหลและยังมีคุณสมบัติเฉพาะ เช่น น้ำหนักที่เบากว่าสแตนเลสสตีลถึง 2 เท่า ทนทานต่อการใช้งาน ทนต่อการขีดข่วนได้สูง มีความเฉื่อยทางเคมี ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ อีกทั้งยังไม่ถูกเหนี่ยวนำโดยสนามแม่เหล็ก
-
3 / 4
LiquidmetalTM
นับตั้งแต่ปี 2010 แบรนด์ OMEGA ได้จับคู่เซรามิกเข้ากับอัลลอยด์ที่มีชื่อว่า LiquidmetalTM มอบความเป็นไปได้ใหม่ในการตกแต่งเรือนเวลาด้วยโลหะสีเทาซึ่งมีคุณสมบัติต้านทานรอยขีดข่วนได้ดีกว่าเดิมและมีความเสถียรอย่างยิ่ง อัลลอยด์ชนิดนี้ได้จากการผสมไทเทเนียม เซอร์โคเนียม และทองแดง มันมีความแข็งมากกว่าสแตนเลสสตีลถึงสามเท่า เมื่อ LiquidmetalTM สร้างพันธะกับเซรามิกแล้วก็จะฉายแววโดดเด่น โดยอัลลอยด์สามารถถูกขัดแต่งจนตัดกันได้อย่างลงตัว (ขัดด้านหรือขัดเงา) เนื่องจากคุณสมบัติความแข็งที่แตกต่างกันระหว่างวัสดุสองชนิด
-
4 / 4
คริสตัลแซฟไฟร์
แบรนด์ OMEGA ใช้คริสตัลแซฟไฟร์สังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติทนทานต่อรอยขีดข่วนสูง และเคลือบสารกันสะท้อน เพื่อให้สามารถรับชมความงามในทุกอณูของนาฬิกาได้อย่างเต็มอรรถรส ก่อนที่จะเข้ากระบวนการตัดแต่งให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการ คริสตัลแซฟไฟร์จะต้องถูกผลิตภายใต้กระบวนการ Verneuil หรือกระบวนการหลอมเหลวโดยเปลวไฟ ซึ่งต้องใช้ไฟออกซีไฮโดรเจนหลอมเหลววัตถุดิบและต้องรอให้ตกผลึกทีละหยดจนเกิดเป็นกระบอกของแซฟไฟร์ โดยมีคะแนนสเกลความแข็งของโมส์ระดับ 9 (จากค่าความแข็ง 1-10) ทำให้กระจกแซฟไฟร์ที่ได้นั้นสามารถป้องกันรอยขีดข่วนและมีความแข็งแรงมาก มอบการมองเห็นได้อย่างชัดเจนตลอดเวลา
สแตนเลสสตีล
สแตนเลสเป็นวัสดุที่พบได้บ่อยที่สุดสำหรับการผลิตเครื่องบอกเวลาสำหรับงานรูปลักษณ์ภายนอก และให้ความสวยงาม ความแข็งแรง รวมถึงราคาที่จับต้องได้ แบรนด์ OMEGA เลือกใช้สแตนเลสสตีลเกรด 316L ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนและให้ความสุกสกาวหลังได้รับการขัดแต่ง วัสดุชนิดนี้เป็นตัวเลือกในอุดมคติสำหรับนาฬิกาที่ใช้งานในชีวิตประจำวันและในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายอย่างการดำน้ำและการผจญภัย
เซรามิก
OMEGA มีความเชี่ยวชาญในการใช้เซรามิกแบบที่ยากจะหาผู้ใดเปรียบ ตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน เซรามิกมีต้นรากมาจากคำในภาษากรีก "เครามอส" สารอนินทรีย์อโลหะที่ได้จากการเผาด้วยอุณหภูมิสูง ซึ่งช่วยให้สามารถผลิตชิ้นส่วนนาฬิกาที่มีความหนาแน่นโดยแท้จริงพร้อมทั้งมีคุณสมบัติทางกลที่ยอดเยี่ยม เซรามิกเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมสำหรับลูกค้าเมื่อเลือกนาฬิกา เนื่องจากมีหลายโทนสีที่น่าหลงไหลและยังมีคุณสมบัติเฉพาะ เช่น น้ำหนักที่เบากว่าสแตนเลสสตีลถึง 2 เท่า ทนทานต่อการใช้งาน ทนต่อการขีดข่วนได้สูง มีความเฉื่อยทางเคมี ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ อีกทั้งยังไม่ถูกเหนี่ยวนำโดยสนามแม่เหล็ก
LiquidmetalTM
นับตั้งแต่ปี 2010 แบรนด์ OMEGA ได้จับคู่เซรามิกเข้ากับอัลลอยด์ที่มีชื่อว่า LiquidmetalTM มอบความเป็นไปได้ใหม่ในการตกแต่งเรือนเวลาด้วยโลหะสีเทาซึ่งมีคุณสมบัติต้านทานรอยขีดข่วนได้ดีกว่าเดิมและมีความเสถียรอย่างยิ่ง อัลลอยด์ชนิดนี้ได้จากการผสมไทเทเนียม เซอร์โคเนียม และทองแดง มันมีความแข็งมากกว่าสแตนเลสสตีลถึงสามเท่า เมื่อ LiquidmetalTM สร้างพันธะกับเซรามิกแล้วก็จะฉายแววโดดเด่น โดยอัลลอยด์สามารถถูกขัดแต่งจนตัดกันได้อย่างลงตัว (ขัดด้านหรือขัดเงา) เนื่องจากคุณสมบัติความแข็งที่แตกต่างกันระหว่างวัสดุสองชนิด
คริสตัลแซฟไฟร์
แบรนด์ OMEGA ใช้คริสตัลแซฟไฟร์สังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติทนทานต่อรอยขีดข่วนสูง และเคลือบสารกันสะท้อน เพื่อให้สามารถรับชมความงามในทุกอณูของนาฬิกาได้อย่างเต็มอรรถรส ก่อนที่จะเข้ากระบวนการตัดแต่งให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการ คริสตัลแซฟไฟร์จะต้องถูกผลิตภายใต้กระบวนการ Verneuil หรือกระบวนการหลอมเหลวโดยเปลวไฟ ซึ่งต้องใช้ไฟออกซีไฮโดรเจนหลอมเหลววัตถุดิบและต้องรอให้ตกผลึกทีละหยดจนเกิดเป็นกระบอกของแซฟไฟร์ โดยมีคะแนนสเกลความแข็งของโมส์ระดับ 9 (จากค่าความแข็ง 1-10) ทำให้กระจกแซฟไฟร์ที่ได้นั้นสามารถป้องกันรอยขีดข่วนและมีความแข็งแรงมาก มอบการมองเห็นได้อย่างชัดเจนตลอดเวลา
โฉมใหม่สำหรับนาฬิกาของคุณ
นาฬิกาและสายของคุณควรเข้ากันได้อย่างลงตัว แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่สามารถทดลองการจับคู่ในรูปแบบต่างๆ ได้ ลองนำมาจับคู่กันดูว่าเป็นอย่างไร? คุณอาจค้นพบโฉมใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสำหรับคุณก็ได้
ค้นหาสายนาฬิกาที่ใช่ของคุณ
/
ข้อดี
ของนาฬิกาเรือนนี้
ข้อดี
ของนาฬิกาเรือนนี้
อุปกรณ์ที่ซ่อนอยู่ภายในนาฬิการุ่นนี้ประกอบด้วนชิ้นส่วนที่ปฏิวัติวงการ ซึ่งช่วยให้มั่นใจถึงมาตรฐานการทำงานในระดับสูงสุด OMEGA สามารถก้าวผ่านทุกความท้าทายที่สำคัญ ตั้งแต่การใช้ระบบปล่อยจักรแบบ Co-Axial เพื่อความแม่นยำที่ยาวนาน ไปจนถึงการใช้สายใยนาฬิกาที่ผลิตจากซิลิกอนเพื่อการต้านสนามแม่เหล็กที่เหนือชั้นกว่า
การรับรอง MASTER CHRONOMETER
ความเที่ยงตรงที่เหนือชั้น
มีความเที่ยงตรงเป็นสองเท่าของมาตรฐานระดับโครโนมิเตอร์อื่น
นาฬิกา Master Chronometer ของเราผ่านการทดสอบและผ่านการรับรองถึงสองประเภท ประการแรก กลไกที่ใช้ผ่านการรับรองความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์ตามมาตรฐานสากล ISO3159 ซึ่งต้องมีระดับความเที่ยงตรงที่ -4/+6 วินาทีต่อวัน ตามการทดสอบที่ Official Swiss Chronometer Control (COSC) จากนั้น ตัวเรือนและกลไกของนาฬิกาจะต้องผ่านการทดสอบระดับ Master Chronometer ทั้งแปดประเภท ซึ่งกำหนดโดยสถาบันมาตรวิทยาแห่งสหพันธ์สวิส (METAS) โดยมีเกณฑ์ 0/+5 วินาทีต่อวัน
ค้นพบเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Master Chronometer
การรับรอง MASTER CHRONOMETER
ต้านทานสนามแม่เหล็ก
กรรมสิทธิ์เหนือวัสดุที่ทนต่อแม่เหล็ก
ของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น โทรศัพท์มือถือ หัวล็อกบนกระเป๋าถือ แล็ปท็อป การตรวจด้วยเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า เตาแม่เหล็กไฟฟ้า หรือประตูอัตโนมัติ อาจสร้างสนามแม่เหล็กจนส่งผลกระทบต่อนาฬิกาและสมรรถนะได้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการคลาดเคลื่อนถาวรที่อาจสูงถึงหลายนาทีต่อวัน เราจึงได้คิดค้นกลไกติดตั้งด้วยวัสดุที่ต้านทานแม่เหล็ก เช่น บาลานซ์สปริงซิลิกอน ซึ่งสามารถทนต่อสนามแม่เหล็กความเข้มสูงสุดได้
ค้นพบเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Master Chronometer
การรับรอง MASTER CHRONOMETER
คุณสมบัติการกันน้ำ
เพื่อให้มั่นใจว่านาฬิกาของเราจะยังไม่เสียหายแม้อยู่ในทะเลลึก นาฬิกาจะถูกทดสอบใต้น้ำด้วยแรงดันสูงที่ถึงเกณฑ์ที่เรารับประกันคุณสมบัติการกันน้ำ ซึ่งเป็นการทดสอบกับนาฬิกาทุกเรือนไม่ใช้แค่บางเรือนเท่านั้น และเช่นเคย ในการทดสอบคุณสมบัติการกันน้ำของนาฬิกาแต่ละเรือน เราได้เลือกที่จะดำเนินการทดสอบเกินกว่ามาตรฐานการทดสอบทั่วไป
ค้นพบเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Master Chronometer
รับประกัน 5 ปี
ภารกิจของเราในการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมและผลักดันขอบเขตของคุณภาพให้ไปไกลยิ่งกว่า รวมไปถึงการรับประกันนาฬิกา OMEGA ทุกเรือนเป็นเวลา 5 ปีเต็ม คำมั่นสัญญาที่เรามีต่อลูกค้านี้ แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจที่เรามีต่อความเป็นเลิศในนาฬิกาของเรา รวมถึงมอบความไว้วางใจและความมั่นใจเป็นพิเศษเมื่อคุณเลือกนาฬิกาของคุณ
ต้องการการบริการน้อย
การเข้าศูนย์บริการที่น้อยลง ระบบปล่อยจักรแบบ Co-Axial ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดแรงเสียดทานภายในกลไก อันเป็นผลให้กลไกต้องการการหล่อลื่นน้อยลง จึงต้องการการบำรุงรักษาที่น้อยกว่า เมื่อเทียบกับนาฬิกาที่ไม่ได้ใช้กลไก Co-Axial ช่วงเวลาที่ต้องนำนาฬิกาเข้ารับบริการนั้นจะยาวนานกว่ามาก
ต้านทานแรงกระแทก
นาฬิกา OMEGA สามารถผ่านการทดสอบไปจนถึงขีดจำกัดสูงสุดได้ในระหว่างกระบวนการรับรองมาตรฐานเฉพาะทาง ซึ่งการทดสอบในช่วงนี้รวมไปถึงการทดสอบการรับแรงกระแทก และเพื่อให้มั่นใจว่านาฬิกาจะยังคงความเที่ยงตรงอยู่แม้ผ่านการกระแทกอย่างรุนแรง นาฬิกา OMEGA ทุกเรือนได้รับการออกแบบให้ทนทานต่อแรงกระแทกจากการตกหล่นที่ระยะ 1 เมตรลงบนพื้นไม้เนื้อแข็ง สำหรับนาฬิกามาตรฐาน 150g แล้ว การเร่งความเร็วอย่างกะทันหันและรวดเร็วนี้เทียบเท่ากับแรงโน้มถ่วงที่กระทำลงบนตัวเรือนสูงถึง 5,000 g เลยทีเดียว
-
การรับรอง MASTER CHRONOMETER
ความเที่ยงตรงที่เหนือชั้น
มีความเที่ยงตรงเป็นสองเท่าของมาตรฐานระดับโครโนมิเตอร์อื่น
นาฬิกา Master Chronometer ของเราผ่านการทดสอบและผ่านการรับรองถึงสองประเภท ประการแรก กลไกที่ใช้ผ่านการรับรองความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์ตามมาตรฐานสากล ISO3159 ซึ่งต้องมีระดับความเที่ยงตรงที่ -4/+6 วินาทีต่อวัน ตามการทดสอบที่ Official Swiss Chronometer Control (COSC) จากนั้น ตัวเรือนและกลไกของนาฬิกาจะต้องผ่านการทดสอบระดับ Master Chronometer ทั้งแปดประเภท ซึ่งกำหนดโดยสถาบันมาตรวิทยาแห่งสหพันธ์สวิส (METAS) โดยมีเกณฑ์ 0/+5 วินาทีต่อวัน
ค้นพบเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Master Chronometer
-
การรับรอง MASTER CHRONOMETER
ต้านทานสนามแม่เหล็ก
กรรมสิทธิ์เหนือวัสดุที่ทนต่อแม่เหล็ก
ของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น โทรศัพท์มือถือ หัวล็อกบนกระเป๋าถือ แล็ปท็อป การตรวจด้วยเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า เตาแม่เหล็กไฟฟ้า หรือประตูอัตโนมัติ อาจสร้างสนามแม่เหล็กจนส่งผลกระทบต่อนาฬิกาและสมรรถนะได้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการคลาดเคลื่อนถาวรที่อาจสูงถึงหลายนาทีต่อวัน เราจึงได้คิดค้นกลไกติดตั้งด้วยวัสดุที่ต้านทานแม่เหล็ก เช่น บาลานซ์สปริงซิลิกอน ซึ่งสามารถทนต่อสนามแม่เหล็กความเข้มสูงสุดได้
ค้นพบเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Master Chronometer
-
การรับรอง MASTER CHRONOMETER
คุณสมบัติการกันน้ำ
เพื่อให้มั่นใจว่านาฬิกาของเราจะยังไม่เสียหายแม้อยู่ในทะเลลึก นาฬิกาจะถูกทดสอบใต้น้ำด้วยแรงดันสูงที่ถึงเกณฑ์ที่เรารับประกันคุณสมบัติการกันน้ำ ซึ่งเป็นการทดสอบกับนาฬิกาทุกเรือนไม่ใช้แค่บางเรือนเท่านั้น และเช่นเคย ในการทดสอบคุณสมบัติการกันน้ำของนาฬิกาแต่ละเรือน เราได้เลือกที่จะดำเนินการทดสอบเกินกว่ามาตรฐานการทดสอบทั่วไป
ค้นพบเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Master Chronometer
-
รับประกัน 5 ปี
ภารกิจของเราในการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมและผลักดันขอบเขตของคุณภาพให้ไปไกลยิ่งกว่า รวมไปถึงการรับประกันนาฬิกา OMEGA ทุกเรือนเป็นเวลา 5 ปีเต็ม คำมั่นสัญญาที่เรามีต่อลูกค้านี้ แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจที่เรามีต่อความเป็นเลิศในนาฬิกาของเรา รวมถึงมอบความไว้วางใจและความมั่นใจเป็นพิเศษเมื่อคุณเลือกนาฬิกาของคุณ
-
ต้องการการบริการน้อย
การเข้าศูนย์บริการที่น้อยลง ระบบปล่อยจักรแบบ Co-Axial ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดแรงเสียดทานภายในกลไก อันเป็นผลให้กลไกต้องการการหล่อลื่นน้อยลง จึงต้องการการบำรุงรักษาที่น้อยกว่า เมื่อเทียบกับนาฬิกาที่ไม่ได้ใช้กลไก Co-Axial ช่วงเวลาที่ต้องนำนาฬิกาเข้ารับบริการนั้นจะยาวนานกว่ามาก
-
ต้านทานแรงกระแทก
นาฬิกา OMEGA สามารถผ่านการทดสอบไปจนถึงขีดจำกัดสูงสุดได้ในระหว่างกระบวนการรับรองมาตรฐานเฉพาะทาง ซึ่งการทดสอบในช่วงนี้รวมไปถึงการทดสอบการรับแรงกระแทก และเพื่อให้มั่นใจว่านาฬิกาจะยังคงความเที่ยงตรงอยู่แม้ผ่านการกระแทกอย่างรุนแรง นาฬิกา OMEGA ทุกเรือนได้รับการออกแบบให้ทนทานต่อแรงกระแทกจากการตกหล่นที่ระยะ 1 เมตรลงบนพื้นไม้เนื้อแข็ง สำหรับนาฬิกามาตรฐาน 150g แล้ว การเร่งความเร็วอย่างกะทันหันและรวดเร็วนี้เทียบเท่ากับแรงโน้มถ่วงที่กระทำลงบนตัวเรือนสูงถึง 5,000 g เลยทีเดียว
กลไก
OMEGA
คาลิเบอร์ 9900
กลไกโครโนกราฟระบบขึ้นลานอัตโนมัติพร้อมคอลัมน์วีลและระบบปล่อยจักร Co-Axial กลไก Master Chronometer ที่ได้รับการรับรองจาก METAS สามารถต้านทานสนามแม่เหล็กได้ถึง 15,000 เกาส์ บาลานซ์สปริงซิลิคอน บาร์เรลทั้งสองติดตั้งเรียงกัน พร้อมฟังก์ชั่นบอกเขตเวลา เข็มชั่วโมง นาที และวินาทีแบบโครโนกราฟตรงกลางหน้าปัด เข็มวินาทีขนาดเล็ก รวมถึงหน้าปัดย่อยจับเวลา 12 ชั่วโมง และ 60 นาที ผิวสัมผัสเคลือบโรเดียมพร้อมลายคลื่น Geneva แบบอาหรับ
-
ระบบขึ้นลานอัตโนมัติ
-
พลังงานสำรอง 60 ชั่วโมง
-
ความถี่ 4 Hz
คุณอาจชอบ
-
ไทเทเนียม บน สายนาฬิกายาง
45.5 มม., ไทเทเนียม บน สายนาฬิกายาง
-
ไทเทเนียม บน ไทเทเนียม
45.5 มม., ไทเทเนียม บน ไทเทเนียม
-
สตีล บน สาย NATO
45.5 มม., สตีล บน สาย NATO
-
สตีล บน สตีล
45.5 มม., สตีล บน สตีล
-
สตีล บน สายนาฬิกายาง
45.5 มม., สตีล บน สายนาฬิกายาง
-
สตีล บน สายนาฬิกายาง
45.5 มม., สตีล บน สายนาฬิกายาง
-
สตีล บน สายนาฬิกายาง
45.5 มม., สตีล บน สายนาฬิกายาง
-
สตีล บน สายนาฬิกายาง
45.5 มม., สตีล บน สายนาฬิกายาง
-
สตีล บน สตีล
45.5 มม., สตีล บน สตีล
-
เซรามิกสีดำ บน สายนาฬิกายาง
45.5 มม., เซรามิกสีดำ บน สายนาฬิกายาง
-
เซรามิกสีดำ บน สายนาฬิกายาง
45.5 มม., เซรามิกสีดำ บน สายนาฬิกายาง
-
สตีล บน สายหนังพร้อมบุด้วยยาง
45.5 มม., สตีล บน สายหนังพร้อมบุด้วยยาง
-
สตีล บน สตีล
45.5 มม., สตีล บน สตีล
-
สตีล บน สายหนังพร้อมบุด้วยยาง
45.5 มม., สตีล บน สายหนังพร้อมบุด้วยยาง
-
สตีล ‑ ทอง Sedna™ บน สตีล ‑ ทอง Sedna™
45.5 มม., สตีล ‑ ทอง Sedna™ บน สตีล ‑ ทอง Sedna™
-
สตีล ‑ ทอง Sedna™ บน สายหนังพร้อมบุด้วยยาง
45.5 มม., สตีล ‑ ทอง Sedna™ บน สายหนังพร้อมบุด้วยยาง
-
ทอง Sedna™ บน สายหนังพร้อมบุด้วยยาง
45.5 มม., ทอง Sedna™ บน สายหนังพร้อมบุด้วยยาง