Skip to content
OMEGA constellation deville seamaster speedmaster specialities

วัสดุหลัก

  • วัสดุ - เซรามิก

    เซรามิก

  • วัสดุ - เพชร

    เพชร

  • วัสดุ - Liquidmetal<sup>TM</sup>

    LiquidmetalTM

  • วัสดุ - คริสตัลแซฟไฟร์

    คริสตัลแซฟไฟร์

เซรามิก

OMEGA มีความเชี่ยวชาญในการใช้เซรามิกแบบที่ยากจะหาผู้ใดเปรียบ ตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน เซรามิกมีต้นรากมาจากคำในภาษากรีก "เครามอส" สารอนินทรีย์อโลหะที่ได้จากการเผาด้วยอุณหภูมิสูง ซึ่งช่วยให้สามารถผลิตชิ้นส่วนนาฬิกาที่มีความหนาแน่นโดยแท้จริงพร้อมทั้งมีคุณสมบัติทางกลที่ยอดเยี่ยม เซรามิกเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมสำหรับลูกค้าเมื่อเลือกนาฬิกา เนื่องจากมีหลายโทนสีที่น่าหลงไหลและยังมีคุณสมบัติเฉพาะ เช่น น้ำหนักที่เบากว่าสแตนเลสสตีลถึง 2 เท่า ทนทานต่อการใช้งาน ทนต่อการขีดข่วนได้สูง มีความเฉื่อยทางเคมี ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ อีกทั้งยังไม่ถูกเหนี่ยวนำโดยสนามแม่เหล็ก

เพชร

เพชรเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นวัสดุที่มีความแข็งสูงสุดในโลก โดยได้คะแนนมาตราความแข็งแร่ของโมลส์ที่ระดับสิบ และเป็นอัญมณีชนิดเดียวที่มีคาร์บอนเป็นส่วนประกอบทั้งหมด เพชรสามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิและได้รับแรงบีบอัดสูง ซึ่งจะเกิดขึ้นที่ระดับความลึกเฉพาะ (ลึกราว 100 ไมล์) ใต้ผิวโลก OMEGA เลือกใช้เพชร “Top Wesselton” ในการนำมาประดับนาฬิกาและเครื่องประดับของแบรนด์ ซึ่งต้องเป็นเพชรสีขาวที่มีความสะอาดตั้งแต่บริสุทธิ์ไปจนถึง VVS (Very Very Small inclusions) นอกจากจะคัดสรรกะรัตตามความเหมาะสมแล้ว วิธีการเจียระไนก็ถูกเลือกอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ได้เพชรที่มีประกายและแวววาวมากที่สุด อีกทั้ง OMEGA ยังเป็นสมาชิกขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Responsible Jewellery Council (RJC) ซึ่งช่วยให้ผู้ซื้อมั่นใจได้ว่า กระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน วัตถุดิบ และสิ่งแวดล้อมทั้งหมดนั้นดำเนินไปตามหลักจริยธรรมและมีความเป็นธรรม

LiquidmetalTM

นับตั้งแต่ปี 2010 แบรนด์ OMEGA ได้จับคู่เซรามิกเข้ากับอัลลอยด์ที่มีชื่อว่า LiquidmetalTM มอบความเป็นไปได้ใหม่ในการตกแต่งเรือนเวลาด้วยโลหะสีเทาซึ่งมีคุณสมบัติต้านทานรอยขีดข่วนได้ดีกว่าเดิมและมีความเสถียรอย่างยิ่ง อัลลอยด์ชนิดนี้ได้จากการผสมไทเทเนียม เซอร์โคเนียม และทองแดง มันมีความแข็งมากกว่าสแตนเลสสตีลถึงสามเท่า เมื่อ LiquidmetalTM สร้างพันธะกับเซรามิกแล้วก็จะฉายแววโดดเด่น โดยอัลลอยด์สามารถถูกขัดแต่งจนตัดกันได้อย่างลงตัว (ขัดด้านหรือขัดเงา) เนื่องจากคุณสมบัติความแข็งที่แตกต่างกันระหว่างวัสดุสองชนิด

คริสตัลแซฟไฟร์

แบรนด์ OMEGA ใช้คริสตัลแซฟไฟร์สังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติทนทานต่อรอยขีดข่วนสูง และเคลือบสารกันสะท้อน เพื่อให้สามารถรับชมความงามในทุกอณูของนาฬิกาได้อย่างเต็มอรรถรส ก่อนที่จะเข้ากระบวนการตัดแต่งให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการ คริสตัลแซฟไฟร์จะต้องถูกผลิตภายใต้กระบวนการ Verneuil หรือกระบวนการหลอมเหลวโดยเปลวไฟ ซึ่งต้องใช้ไฟออกซีไฮโดรเจนหลอมเหลววัตถุดิบและต้องรอให้ตกผลึกทีละหยดจนเกิดเป็นกระบอกของแซฟไฟร์ โดยมีคะแนนสเกลความแข็งของโมส์ระดับ 9 (จากค่าความแข็ง 1-10) ทำให้กระจกแซฟไฟร์ที่ได้นั้นสามารถป้องกันรอยขีดข่วนและมีความแข็งแรงมาก มอบการมองเห็นได้อย่างชัดเจนตลอดเวลา

โฉมใหม่สำหรับนาฬิกาของคุณ

นาฬิกาและสายของคุณควรเข้ากันได้อย่างลงตัว แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่สามารถทดลองการจับคู่ในรูปแบบต่างๆ ได้ ลองนำมาจับคู่กันดูว่าเป็นอย่างไร? คุณอาจค้นพบโฉมใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสำหรับคุณก็ได้

ข้อดี
ของนาฬิกาเรือนนี้

และหัวใจสำคัญของนาฬิการุ่นนี้คือระบบปล่อยจักรแบบ Co-Axial ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติการผลิตนาฬิกาที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1999 ความเค้นบนชิ้นส่วนเคลื่อนไหวที่น้อยลงย่อมหมายถึงความต้องการในการหล่อลื่นที่น้อยลง ความแม่นยำที่ยาวนานขึ้น และอัตราการสำรองพลังงานที่เสถียรยิ่งขึ้น โดยสรุปคือ นาฬิการุ่นนี้ทำงานได้ดียิ่งขึ้นและยังใช้งานได้ยาวนานกว่า

กลไก OMEGA คาลิเบอร์ 9300

Calibre 9300

กลไกโครโนกราฟระบบขึ้นลานอัตโนมัติพร้อมกลไกระบบคอลัมน์วีลและระบบปล่อยจักร Co-Axial บาลานซ์สปริงซิลิคอนบนสปริงบาลานซ์แบบอิสระ สองบาร์เรลติดตั้งเรียงกัน พร้อมกลไกขึ้นลานอัตโนมัติทั้งสองทิศทาง ผิวสัมผัสเคลือบโรเดียมพร้อมลายคลื่น Geneva แบบอาหรับสุดพิเศษ

  • ระบบขึ้นลานอัตโนมัติ
  • พลังงานสำรอง 60 ชั่วโมง
  • ความถี่ 4 Hz
Calibre 9300